บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
1
ชื่อหนังสือ บรรณาธิการ พิมพ์ครั้งที่ 1 จัดพิมพ์โดย พิมพ์ที่ จำ�นวนพิมพ์
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558 สิงหาคม 2558 กองสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข บริษัท บียอนด์ พับลิสชิ่ง จำ�กัด 100 เล่ม
คํานํา การสื่อสารถือเปนองคประกอบสําคัญองคประกอบหนึ่งของการสงเสริมสุขภาพจิต เนื่องจาก ทําใหประชาชนไดรับขอมูล ความรู ขาวสารดานสุขภาพจิตที่จําเปน เพื่อสรางความเขาใจ ความตระหนัก ตลอด ถึงการดูแลสุขภาพจิตดวยตนเองได การสื่อสารผานบทความเปนสิ่งที่ผูเขียนตองการสื่อสารขอเท็จจริง และหรือ ความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงคเพื่อใหความรู ความเขาใจ หรือใหความบันเทิง และเปนการ กระตุนใหประชาชนตระหนักและเกิดพฤติกรรมสุขภาพจิตที่ถูกตอง สําหรับหนังสือบทความความรูสุขภาพจิต จากการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพ นักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ครั้ง ที่ 2 ไดรวบรวมบทความ ความรูสุขภาพจิตที่ผูเขารวมโครงการ ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ครั้งที่ 2 เขียนขึ้น ผูจัดทําหวัง เปนอยางยิ่งวาหนังสือเลมนี้จะเปนประโยชนในการดําเนินงานเผยแพรความรูสุขภาพจิตตอไป คณะผูจัดทํา สิงหาคม 2558
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
ก
สารบัญ คํานํา สารบัญ “ความสุข” สมบัติที่ใครๆ ก็อยากเปนเจาของ “ชีวิตวุนวาย ของเจาชายไบโพลาร” “พลิก” ชีวิต 15 สัญญาณอัลไซเมอร กลับบานเกา ครอบครัว...กับการดูแลผูปวยจิตเวช ความสุข...อยูที่ไหน? ความสุขสรางได เมื่อสูงวัย ฉันไมไดบานะ! ชีวิตสุดโตง...ของเจาบอล ชีวิตอันมืดมนของ “ออย” ดูยังไง ใครซึมเศรา เธอผูไมแพ เบื่อเรื่องเพศ...ชีวิตคูไรสุข พลังใจทามกลางวิกฤต มาทําความรูจักและชวยเหลือเด็กสมาธิสั้นกันเถอะ ไมรูจักฉัน...ไมรูจักเธอ รับมือ...เมื่อตกงาน เรื่องเลากรณีศึกษา เลี้ยงลูกอยางไรเสี่ยงตอไอคิวอีคิวต่ํา เศรา...แลวไง สถานการณของกลุมชาติพันธุที่ผานมา สบายดีจะเด็กไทย สมอง...ยาเสพติด...โรคจิต เกี่ยวพันกันอยางไร สองขั้ว...ซอนวิญญาณ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกวา “โรคเครียด” ข
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
หนา ก ข 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 18 19 20 21 22 23 24 25 26 28
สุขใจทั้งผูให...ดีใจทั้งผูรับ สุขอยางสูงวัย...กายใจเปนสุข หลังคาแดง...บานนีม้ ีรัก จิตตกปวยใจ แวะมาเยียวยา อยูรวมกับผูติดสุราอยางมีความสุข
29 30 31 33
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
ค
ง
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
“ความสุข” สมบัตทิ ี่ใครๆ ก็อยากเปนเจาของ สุพรรณี แกนแกว “ความสุข” คําสั้นๆ ที่ใครๆ รูจักและปรารถนาที่จะไดมาเปนเจาของ แตไมใชทุกคนที่จะได มัน มาเปน เจ าของอยางสมบูรณ เพราะอะไรนั่นหรือ?? ถึง แมวาความสุขเกิดขึ้ นไดจากหลายๆ สิ่ง เช น ความสุขของบางคนเกิดจากการไดเปนเจาของวัตถุที่ชื่นชอบและปรารถนา บางคนมีความสุขไดดวยตัวของ ตนเองแมวาจะมีสิ่งที่ปรารถนาอยางสมบูรณหรือไม ในขณะที่บางคนความสุขเกิดขึ้นจากความคาดหวังในตัว ผูอื่น เมื่อความคาดหวังไมเปนดั่งที่หวังใจก็เกิดความทุกข ความทุกขนั้นคืออะไร? โดยสวนตัวเชื่อวา ความทุกขเปนสิ่งที่เจาของความทุกขสรางขึ้นมา ดวยตัวเอง ไมวาทุกขจะเกี่ยวของกับคนหรือวัตถุสิ่งของหรือไม ความทุกขเกิดจากความคาดหวังตอสิ่งตางๆ ที่ มีมากเกินไป เพราะเฉพาะนั้นการไมเปนทุกขอาจทําไดโดยการไมคาดหวังมากเกินไปทั้งที่เปนความคาดหวัง ในตัวเองและความคาดหวังจากผูอื่น เพราะความคาดหวังนี้แหละ กอใหเกิดความทุกข ซึ่งเปนตนเหตุของการ ไมมีความสุขของคน กลาวไดวาการไดมาซึ่งความสุขนั้นไมใชเรื่องงาย แตก็ไมใชเรื่องยาก คนทุกคนสามารถเปน เจาของความสุขไดดวยตัวเอง ในขณะที่ความสุขจะหนีไปไกลหรือไมนั้นก็เกิดขึ้นจากตัวเองทั้งสิ้น การควบคุม อารมณ ความรูสึกของตนเองในการดําเนินชีวิตจึงเปนสิ่งสําคัญ การไมคาดหวังสิ่งตางๆที่เกิดขึ้นมากเกินไปก็ เชนกัน จะชวยใหความทุกขไมเขามาใกลตัว ในขณะที่ความสุขจะขยับเขามาใกล เขามาใกลๆใหเจาตัวมีเปน เจาของ
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
1
“ชีวิตวุนวาย ของเจาชายไบโพลาร” ชัชวาลย นอยวังฆัง โรคไบโพลาร หรือที่รูจักกันในอีกชื่อคือ โรคอารมณสองขั้ว ซึ่งเปนโรคทางจิตเวช ที่มีความ บกพรองดานการควบคุมอารมณประเภทหนึ่ง ลักษณะอาการ คือ มีสองบุคลิกอยูในคนๆ เดียวกัน ทั้งดานบวก และดานลบ ในดานบวกก็จะเปนลักษณะอารมณดี รื่นเริงมีความสุขมากกวาปกติ โดยไมทราบสาเหตุที่แนชัด เมื่อเทียบกับคนรอบขาง ส วนในกรณีดา นลบเมื่อเกิด อาการไมพอใจ จะหงุดหงิ ด ซึมเศรา หรือโกรธก็จ ะ แสดงออกมากกวาปกติเชนเดียวกัน บางคนอารมณสลับไปมา เดี๋ยวดีเดี๋ยวรายภายในเวลาไมนาน การดําเนินชีวิตของบุคคลที่เปนโรคไบโพลาร หรือคนที่มีความเสี่ยงที่จะมีอาการ จะมีปญหา ในการดําเนินชีวิตที่ตางจากคนปกติ บางครั้งเขาอาจจะไมรูตัวเองวาตัวเองปวย ไมรูตัวเองวาไดแสดงกิริยา อาการอะไรออกไปบาง หรือบางคนไมสามารถควบคุมอารมณตัวเองได เมื่อเจอกับสถานการณตางๆ ทําให แสดงพฤติกรรมที่แปลกจากเดิม มีความสุขมาก หรือโกรธจนนากลัว ทําใหคนรอบขางตกใจ และอาจจะสัมผัส ไดวาเขามีความผิดปกติไ ป ทําใหคนรอบขางรูสึกไมดีกับเขา และแสดงออกกับเขาในทาทีที่เปลี่ยนไป เชน ไมอยากเกี่ยวของดวย กลัว หรือรังเกียจเขา ซึ่งยิ่งทําใหเขามีอาการแยลง หมดกําลังใจในการดําเนินชีวิต และ มีพฤติกรรมที่แยลงกวาเดิม จนเปน ที่จับจองของทุกคน เวลาไปไหน จะทําอะไรก็จะไมเปนตัวของตัวเอง เพราะเกรงวาจะถูกจับผิดตลอดเวลา ซึ่งทําใหการดําเนินชีวิตของเขาวุนวายไปหมด โรคไบโพลารเปนโรคที่สามารถรักษาไดเหมือนกับโรคอื่นๆ นอกจากการพบจิตแพทย ไมขาด ยา และที่สําคัญ ขอเพียงแคคนรอบขางใหความสนใจ เอาใจใส ใหการดูแล ปฏิบัติกับเขาเหมือนกับคนปกติ ทั่วไป ใหโอกาส และสงเสริมสุขภาพจิต พูดคุยแตสิ่งดีๆ ไมกระตุนใหเขาเกิดอาการเขาก็จะสามารถใชชีวิตอยู ในสังคมไดอยางมีความสุข
2
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
"พลิก" ชีวิต
รชตพรณ คงดิษฐ "พลิก" หมายถึง กลับ เปลี่ยน แตในการเปลี่ยนก็นาจะยอมมีทั้งดีและไมดี พลิก! คําๆ นี้ไดเขา มาอยูในชีวิตของเด็กผูหญิงคนหนึ่ง นองตอง อายุ 12 ป มีความสดใส ราเริง เรียนหนังสือเกง มีความกตัญู ชวยเหลืองานบาน แบบไมมีบกพรอง พอและแม แยกทางกัน นองตองอาศัยอยูกับตายาย แตนองตองก็ใชชีวิตแบบเด็กทั่วไป สดใส ราเริง อารมณดี เปนที่รักของคนในครอบครัว "พลิก" ชีวิต ของค่ําของวันหนึ่ง ตองไปนอนที่หางนากับตายาย (ตาของตองเปนคนเสียงดัง โวยวาย ชอบตวาดใสยาย) ตองนอนหลับอยูดีๆ ก็ตองสะดุงสุดตัวกลางดึก เมื่อไดยินเสียงตาเมาเหลามาตบตี ยาย ขวางโทรศัพทใสหนายายจนเลือดไหลออกจมูก เมื่อเห็นภาพนั้นตองรองไหโฮ และกรีดรองลั่นสุดเสียง กลางทุงนา ทําใหตาตองหยุดชะงักเพราะความสงสารหลาน และจากนั้นชีวิต ตอง ก็ตองพลิก. หลังจากคืนนั้น ตองกลายเปนเด็กที่เงียบๆ เก็บตัว ซึมเศรา ไมคอยพูดจากับใคร ไมยอมไป เรียนหนัง สืออีกเลย จะพูดจาเสียงดังตะคอกใสตากับตลอด ไมยอมออกจากบานเพราะตองจะเห็นคนตาย เลือ ดไหลเต็ มหนาตลอด และช วงพลบค่ํ า ตองจะมี อาการปวดหัวรุ นแรง ร องไห น้ําเสียงเปลี่ยน ถา เป น ชาวบานก็เรียกวาผีเขาตอง จะคุยราเริง ซักถามคุยเกงกวาปกติ แตจะคุยเฉพาะกับคนที่ตองไวใจ ตากับยายพา ตองไปหา หมอแตหมอผีนะคะ อาบน้ํามนต คนทรง ไปทั่วสารทิศ อาการตองก็ไมดีขึ้น ดิฉันจึงแนะนําใหพามา โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรคราชนครินทร แพทยวินิจฉัยวาตองเปนไบโพลารคะ เปนอายุนอยมาก ตองเริ่ม เขารับการรักษาอยางตอเนื่อง และอาการดีขึ้นตามลําดับ "พลิก" ชีวิตตองอีกสิ่งคงไมใชยาอยางเดียว แตเปนเพราะยาทางใจที่ตากับยายชวยกันเยียวยา ตอง ตั้งแตนั้นมาตาไมเคยทะเลาะกับยายใหตองไดเห็นอีกเลย และแมของตองเองก็กลับบานมาหาตองบอยขึ้น ตองยายเรียนที่การศึกษานอกโรงเรียน เพื่อนฝูงก็รักตอง ตองไดกลับมาเปนเด็กที่สดใสราเริงสมวัยอีกครั้ง "พลิก" ชีวิต จะใหดีขึ้น หรือเลวรายลง ขึ้นอยูกับความรักที่ทุกครอบครัวกําหนดได "ความสุขเริ่มตนไดที่บานคะ"
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
3
15 สัญญาณอัลไซเมอร จิตรา จินารัตน คุณเปนคนขี้ลืมใชไหมคะ ลืมวาวางกระเปาไวที่ไหน ลืมวาตองทําอะไร ทั้ง ๆที่เตือนตัวเองมา ตลอดทั้ง วัน ลืมวาทานขาวกับอะไร ทั้งที่ทานไปเมื่อกี้ หรืออะไรที่เคยทําเปนปกติอยูแลว แตอยูๆ ก็ลืมเสีย เฉยๆ บางทีนี่อาจจะไมใชอาการขี้ลืมธรรมดานะคะ มันอาจเปนสัญญาณเตือนของโรคที่รายแรงก็ได เพื่ อ ให ป รั บ ตั ว รั บ โรคนี้ ไ ด ทั น ลองมาสํ า รวจตั ว เองดู ว า คุ ณอาจจะกํ า ลั ง เข า ข า ยการเป น อัลไซเมอรหรือไม 1. หงุดหงิด อารมณเสียงายกวาปกติ 2. การตัดสินใจแยลง เปลี่ยนใจงาย 3. งานหรือกิจกรรมที่เคยทําอยูประจํา จะกลายเปนงานที่ทําไดยากขึ้น 4. วางของผิดที่ผิดทาง 5. สับสนเรื่องเวลา มักคิดวาเวลาผานไปนานกวาปกติ 6. สื่อสารกับคนอื่นยากขึ้น โดยเฉพาะการพูดมักจะเรียงคําผิด พูดผิด 7. เดินออกไปขางนอกอยางไมมีจุดหมาย ไมรูวาจะไปไหน 8. ทํากิจกรรมบางอยางซ้ํา ๆ 9. ไมคอยดูแลตัวเอง 10. แสดงพฤติกรรมไมเหมาะสม 11. รูสึกหวาดระแวงอยูตลอดเวลา 12. นอนหลับยาก 13. ถอยหางออกจากครอบครัว เพื่อน กิจกรรมเดิม ๆ ที่เคยทํา 14. ชอบทํากิจกรรมเหมือนเด็ก ๆ 15. พูดจาและแสดงอาการกาวราว นี่เปนเพียงวิธีสังเกตอาการเบื้องตน ที่คุณสามารถสํารวจไดดวยตัวคุณเอง ถาพบวามีอาการ มากกวา 5 ขอ อาจเขาขายโรคอัลไซเมอร ทางที่ดีคือลองไปพบแพทยเพื่อตรวจอาการเพิ่มเติมจะดีที่สุด เพราะ โรคนี้ไมมีทางรักษา เราสามารถปองกันหรือชะลอใหมันเกิดชาลงได
4
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
กลับบานเกา เพียงจันทร วงศทวีสุข “คงไปไหนไมรอดละสิ ถึงไดกลับมา” “บอกแลว หนาแบบนี้ ออกไปไมนาน เดี๋ยวก็ กลับมา” หากพิจารณาประโยคบอกเลาดัง กลาวอาจดูธรรมดา แตมันคือประโยคที่สะเทือนใจสําหรับ บุคคลที่เจอประโยคนี้ไมนอย หลายทานอาจมีประสบการณกับตัวเองหรือพบเจอจากคนรอบขาง ในกรณี ที่ลาออกจากงานเดิม แลวกลับมาทํางานใหมอีกครั้ง ในสถานประกอบการเดิม พบเจอหัวหนา เพื่อ น รวมงาน บรรยากาศเดิม ๆ จะปรับตัวอยางไร ใหกลับมาทํางานไดอยางมีความสุข คงไมใชเรื่องแปลกที่สถานประกอบการจะรับพนักงานเกา เขาทํางานอีกครั้ง ถาคุณจาก ไปดวยดี ทั้งนายจางและเพื่อนรวมงานยังมีความรูสึกที่ดีตอคุณอยู อยากใหคุณไดลองปรับมุมมองความคิด หากคุณตองการกลับไปทํางานที่เกา ควรเปนเพราะคุณมั่นใจวาคุณมีคุณคาสําหรับที่เกา ไมใชเพราะวาคุณ ไมมีที่ไป แตคงเปนโอกาส จังหวะที่เหมาะสมประจวบเหมาะพอดี ในการเริ่มงานใหมในสถานที่เดิม หลาย คนอาจมีความรูสึกกังวล ในเรื่องการปรับตัวจะทําอยางไร เรามีเคล็ด (ไม) ลับมาแนะนํา เริ่มตน จาก การเตรียมคําอธิบาย นายจางเกาตองอยากรูเหตุผลที่คุณลาออกและ กลับมาอีกครั้งอยางแนนอน เตรียม คําอธิบายไวใหดี เชน - คุณออกไปเพราะอยากคนหาประสบการณใหม แตตอนนี้คุณรูแลววาที่นี่ใหสิ่งที่คุณ ตองการในอาชีพอยางแทจริง และที่นี่คือที่ ๆ ดีที่สุดที่คุณจะไดแสดงความสามารถอยางเต็มศักยภาพ - คุณเปนคนมีฝมือ สรางชื่อเสียงใหกับบริษัท อีกทั้งยังคุนเคยกับระบบงานของที่นี่เปน อยางดี เขาใจวัฒนธรรมองคกร ขอบขายงาน ตลอดจนมีทักษะและความสามารถในการทํางาน นี้มากอน เมื่อเทียบกับการจางพนักงานใหมที่ตองใชเวลาในการสอนงานและเรียนรูงาน เปนตน เคล็ด (ไม) ลับ อีกประการหนึ่งก็คือ การพิสูจนตนเอง เมื่อคุณไดกลับเขาทํางานอีกครั้ง คุณอาจพบวาทุกอยางไมเหมือนเดิมรอยเปอรเซ็นต อาจมีคนที่มองคุณไมดี ซุบซิบนินทาบางก็ไมตองสนใจ ทํางานใหเต็มที่เพื่อพิสูจนตนเองวาคุณคูควรกับงานนี้ ตอใหใครเขามาใหมก็ไมสามารถทํางานนี้ไดดีเทาคุณ แลวเสียงนกเสียงกาและสายตาดูแคลนเหลานั้นก็จะหายไปเอง นอกจากนี้ยังมีคาถาหากคุณทองแลวคาถาบทนี้จะเปนภูมิคุมกันใหกับจิตใจ คือ คาถา 3 คํา จํางายๆ ของกรมสุขภาพจิต คือ "อึด ฮึด สู" โดย อึด หมายถึง ศักยภาพที่ทนตอแรงกดดันไดดี ฮึด หมายถึงมีกําลังใจเขมแข็ง และ สู หมายถึง การตอสูเอาชนะอุปสรรคตางๆที่เกิดขึ้น กรมสุขภาพจิตขอเปน สวนหนึ่ง ในการสร างภูมิ คุมกั น ให ประชาชน มีป ญ หาสุขภาพจิต โทรสายดว นสุขภาพจิ ต 1323 ยิน ดี ใหบริการคะ
แหลงขอมูล http://www.bus.rmutt.ac.th/journal/pdf/vol7-no2-04.pdf http://pantip.com/topic/32278183 http://www.dmhweb.dmh.go.th/jvsk/inter/link/Html/kown2.html
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
5
ครอบครัว...กับการดูแลผูปวยจิตเวช พิมลศรี จินา การเจ็บปวยดวยโรคทางจิตเวชมีโอกาสเปนโรคเรื้อรังสูง และจําเปนตองไดรับการรักษาอยาง ตอเนื่อง เพื่อควบคุมอาการและปองกันมิใหอาการกําเริบ ครอบครัวจึงมีสวนสําคัญยิ่งตอการทําหนาที่ดูแลให ผูปวยไดมีโอกาสรับการรักษาตามแผนการรักษาของแพทย เพื่อใหเขาสามารถดําเนินชีวิตอยูกับครอบครัวและ สังคมไดตามอัตภาพ ครอบครัวควรดูแลผูปวยจิตเวชเรื่องใดบาง 1. การรับประทานยา ผูดูแลควรใหผูปวยไดรับประทานยาตามแผนการรักษาของแพทย ไม ควรเพิ่มหรือลดยา หรือกินยาเฉพายาบางชนิด รับประทานยาใหสม่ําเสมอหากมีอาการเปลี่ยนแปลง ควรพา ผูปวยไปพบแพทย 2. กิจวัตรประจําวัน ผูปวยทางจิตมักไมคอยสนใจตัวเอง ดังนั้นญาติควรกระตุนใหผูปวยได ทํากิจวัตรประจําวันดวยตนเอง พยายามใหผูปวยไดชวยเหลือตนเองใหมากที่สุด 3. การทํางาน ผูดูแลควรกระตุนใหผูปวยไดมีสวนรวมในการทํางาน เชน งานบาน หรืองาน อาชีพ เพื่อใหผูปวยรูสึกภาคภูมิใจ มีความรับผิดชอบ และไมคิดฟุงซาน 4. การมีสวนรวมกับกิจกรรมทางสังคม ผูดูแลควรเปดโอกาสใหผูปวยไดรวมกิจกรรมใน ชุมชน เชน งานเทศกาลตางๆ รวมกิจกรรมทางศาสนา เปนจิตอาสา เปนตน เพื่อใหสังคมเกิดการยอมรับและ ลดอคติตอผูปวยจิตเวช ผูปวยทางจิตจะสามารถอยูกับครอบครัวไดนานเทาใดโดยไมมีอาการกําเริบนั้น ขึ้นอยูกับการ ดูแลเอาใจใสจากญาติ หรือผูดูแลดวยเชนกัน นอกจากนี้การยอมรับ ไมลอเลียน ไมซ้ํากันมีความเมตตาตอ ผูปวยจิตเวชก็จะชวยใหพวกเขาเหลานี้ สามารถอยูรวมกับครอบครัวแลสัง คมไดอยางมีศักดิ์ศรี และมีความ สบายใจมากขึ้น
6
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
ความสุข...อยูที่ไหน? “ไดแคนี้ผมก็ขอบคุณมากแลวครับ กราบขอบคุณทุกๆ คนนะครับ” เสียงแหบเครือออกจาก ปากชายสูงวัย ผมสีดอกเลา นัยนตาเออลนดวยความปลื้มปติ บานสวนอยูหางออกจากชุมชน ราวๆ หากิโลเมตร ทางเขาเปนคันดินที่ขุดจากสองฟากฝง ขึ้นมาถมเพื่อทําเปนทางสัญจร ฤดูฝนลําบากมาก รถยนตเขาไมถึง...ใชเดินเทาอยางเดียว ทีมงานจิตอาสามีโอกาสลงพื้นที่และไดเห็นความยากลําบากของลุงแดง ซึ่งมีลูกปวยเปนโรค จิตเภท ไมมีบานอยูอาศัย มีเพียงผาใบขึงเชือกสี่มุม ทําเปนเพิงหลังคาเพื่อหลบแดดฝนอยูกลางปา รายลอม ดวยไรออย และปามันสําปะหลัง เราชาวจิตอาสารวบรวมปจจัยไดจํานวนหนึ่ง และนําไปซื้อวัสดุอุปกรณที่พอหาไดและรวมกัน เพื่อลงมือทําบานใหลุงแดง ปจจัยที่ไดรวบรวมมาซื้อไดเพียงเหล็กและสังกะสี โชคดีที่ลุงแดงแกมีเสาเกาๆ อยู แลว ทีมจึงปรึกษาหารือกัน และตัดสินใจ “ทําเทาที่ทําได” ลงมือขุดหลุมตั้งเสา ขึ้นโครงหลังคา แลวก็มุง ใชเวลาทั้งหมด 3 วัน บานลุงแดงก็เริ่มเห็นเปน รูปราง ที่มีเพียงหลังคา ไมมีฝาขาง...แตงบประมาณหมดลงแลว ในวันสุดทายกอนร่ําลา “ไดแคหลังคานะลุง” ลุงแดงยกสองมือพนมทั่วหัว น้ําตาคลอเบา กลาวดวยเสียงแหบเครือ “ไดแคนี้ลุงก็ขอบคุณมากแลว”...
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
7
ความสุขสรางได เมื่อสูงวัย “ผูสูงอายุ” หรืออาจเรียกวา คนแก คนชรา หรือผูสูงวัย เปนบุคคลที่ตองพึ่งพา มีปญหาจาก การเสื่อมถอยของรางกาย ซึ่งเปนไปตามธรรมชาติ ตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการมีโรคเรื้อรังตางๆ นํามาซึ่ง ความเจ็บปวดดานรางกายและดานจิตใจ เพราะเปนวัยแหงงการพลัดพรากสูญเสีย ดังนั้นอาจพูดไดวา วัยนี้ เปนวัยที่ตองการดูแลเฉพาะแตกตางจากวัยอื่นๆ นอกเหนือจากการดูแลทางกายแลว การดูแลทางใจก็เปน สิ่งสําคัญที่ญาติหรือคนใกลชิดตองเอาใจใส เพราะสุดทายแลว... เปาหมายของวัยสูงอายุ คือ การมีสุขภาพดี มีความสุขกับลูกหลาน มีเพื่อนฝูง มีสังคม ความสุขทั้งหลายขึ้นอยูกับตัวของผูสูงอายุเองวาจะเลือกสุขแบบไหน วางแผนดี ชีวิตมีสุข การวางแผนชีวิตในทุกชวงอายุ มีความจําเปนอยางมากที่ทุกคนควรทํา เพราะวาจุดหมาย ปลายทางไม มีใครคาดเดาไดวา ชี วิตเราจะเป นแบบไหน รูแต เพีย งว าระหวา งทางเราสามารถพบเจอกั บ ความสุขไดตลอดไป จนถึงวัยสุดทายของชีวิต ซึ่งจะเกิดขึ้นไดก็ตอเมื่อมาจากการวางแผนในวัยตนและวัยกลาง ที่ดี ความสุขในวัยสูงอายุ จึงควรวางแผนใหครอบคลุมทั้ง 5 มิติ ไดแก สุขสบาย (เนนการดูแลเอา ใจใสสุขภาพรางกายของตนเองใหแข็งแรงอยูเสมอ) สุขสงา (เนนการทํากิจกรรมที่กอใหเกิดความภาคภูมิใจใน ตนเอง เห็นคุณคาของตนเอง) สุขสวาง (เนนการฝกสมองใหสามารถจําลูกจําหลานได ไมหลงลืม) สุขสนุก (เนน การเขารวมกิจกรรม หมั่นหากิจกรรมที่ชื่นชอบและสนใจ) สุขสงบ (สามารถควบคุมอารมณ และยอมรับสิ่ง ตางๆ ที่เกิดขึ้นตามความเปนจริง) แนวทางสร า งสุ ข เบื้ อ งต น เป น เพี ย งตั ว เลื อ กหนึ่ ง ที่ ท า นสามารถนํ า ไปปรั บ ใช ไ ด ใ น ชีวิตประจําวันเชื่อวาหากทานเริ่มตนวางแผนนับตั้งแตวันนี้ ในอนาคตอันใกลทานจะมีหนทางสูการกาวไปสูการ เป น ผู สู ง อายุ หรื อ คนแก ที่ มี ค วามสุ ข ครบทั้ ง 5 มิ ติ ตลอดจนสามารถทํ า คุ ณ ประโยชน เ พื่ อ สั ง คมและ ประเทศชาติตอไปได
8
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
ฉันไมไดบานะ! สันติ แซลี้ คนเราทุกคนนั้น มีโอกาสที่จะเจ็บปวยไดเสมอ บางคนอาจจะเจ็บปวยทางกาย ทางจิต หรือ ทั้งสองทางก็ได ขึ้นอยูกับบุคคลแตละบุคคล รวมทั้งสิ่งแวดลอมรอบๆ ตัวบุคคลนั้นดวย สําหรับคนที่เจ็บปวย ทางกาย ทุกคนมักจะเรียกเขาวา "ผูปวย" หรือ "คนปวย" หรือ "ปวย" แตในทางตรงกันขาม คนที่เจ็บปวยทาง จิต หรือมีความผิดปกติทางจิต ทุกคนกลับมักจะเรียกเขาวา "คนบา" หรือ "ไอบา" หรือ "บา" แทนที่จะเรียก เขาเหลานั้นวา "ผูปวย" เพราะจริงๆ แลวคนที่เจ็บปวยทางจิต หรือ "ผูปวยทางจิต" ก็คือ ผูที่มีความผิดปกติทาง จิต ไดแก อาการผิดปกติของจิตใจที่แสดงออกมาทางพฤติกรรม ทางอารมณ ทางความคิด ทางความจํา ทาง สติปญญา ทางประสาทการรับรู หรือการรูเวลา สถานที่ หรือบุคคล รวมทั้ง อาการผิดปกติของจิตใจที่เกิดจาก สุราหรือสารอื่นที่ออกฤทธิ์ตอจิตและประสาท ซึ่งจําเปนตองไดรับการบําบัดรักษา การที่คนเรามักจะเรียกผูปวยทางจิตวา "คนบา" หรือ “ไอบา” นั้น ทําใหหลายๆ คนมี ทัศนคติดานลบตอผูปวย สงผลใหผูปวยดังกลาวไมไดรับการบําบัดรักษาอยางถูกตองและเหมาะสม เปนเหตุให ความผิดปกติทางจิตทวีความรุนแรงมากขึ้นจนกอใหเกิดอันตรายรายแรงทั้งตอชีวิต ตอรางกาย หรือทรัพยสิน ของตนเองหรือผูอื่น ได ...มาถึง ตรงนี้แลว ... คงไม มีใครอยากใหเหตุการณดัง กลาวเกิดขึ้นกับตนเอง หรื อ ครอบครัวของตนเองแนนอน คงถึงเวลาแลวที่เราจะเริ่มตนมองผูมีความผิดปกติทางจิต หรือผูปญหาสุขภาพจิต วาคือ "ผูปวย" ไมใช "คนบา" ย้ํา! คือ "ผูปวย" ไมใช "คนบา"... เพื่อที่สังคมของเราจะไดมีความนาอยูมากขึ้น
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
9
ชีวิตสุดโตง…ของเจาบอล นิภา ชาญสวัสดิ์
เจาบอล... เด็กนอยหนาตานารัก อวน ขาว
เกิดและเติบโตในกรุงเทพ ทางบานมี อาชีพคาขาย เงินทองไมเคยขัดสนเรียกวาเจาบอลสบายมาตั้งแตเกิด ปากับมารักและตามใจ ทําใหเจา บอล มีทุกอยางเหมือนที่เพื่อนเขามีกัน ชีวิตของเจาบอลเมื่อกาวเขาสูวัยรุน เปลี่ยนจากหนามือเปนหลัง มือ ชีวิตเต็มไปดวยความทะเยอทะยาน ฝนอยากเปนโนน อยากทํานี่ตลอดเวลา แตไมเคยสําเร็จหรือได อะไรเปนชิ้นเปนอันสักอยางเดียว จากเด็ก น อยนา รั ก กลายเปน วั ยรุ น เลื อดรอ น หงุด หงิ ด ก าวร าว ใช เงิ น เหมือ นเบี้ ย ชอบเลี้ยงเพื่อนฝูง อยากไดอะไรเปนตองได ที่หนักกวานั้นคือดื่มสุราและเขาบอน ชอบลุน ชอบเสี่ยงโชค การเรี ย นเริ่ ม ตกต่ํ า ในที่สุ ด ก็ เรี ย นไม จ บ ขณะที่ เ พื่อ นๆเตรี ย มตั ว เข า มหาวิ ท ยาลั ย ป า กับ ม า เสี ย ใจ เปนที่สุดที่เจาบอลนําความอัปยศอดสู มาสูครอบครัว เจาบอลที่เคยราเริง กลายเปนคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม พบปะผูคน ไมเห็นคุณคาของตนเอง วัน ๆ เอาแตนอน สิ้นหวังกับชีวิต และในกลางดึกของคืนวันหนึ่งเจา บอลพยามจะกระโดดตึกเพื่อจบชีวิตของตนเอง โชคดีที่ปาตื่นมาเจอจึงชวยไวไดทัน
ในที่สุด...เจาบอลก็ไดรับการบําบัดจากจิตแพทย และไดรับการวินิจฉัยวาเปนโรค
ไบโพลาร หรือโรคอารมณสองขั้ว สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง
ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณแบบสุดขั้ว อารมณพุงสูง
(Mania) ราเริง สุขลน พูดมาก ความคิดพรั่งพรู หงุดหงิด ฉุนเฉียวงาย เที่ยวเตร ใชจายฟุมเฟอย ชอบ แจกเงิ น ไมห ลั บ ไม น อน อารมณ ดิ่ ง เศร า (Depression) เบื่ อ หน า ย ท อ แท เฉื่ อ ยชา วิ ตกกั ง วล ไม มี ความสุข สิ้นหวัง รูสึกวาชีวิตไรคา เกินกวาที่จะดํารงอยูตอไปไดอีก ทุกวันนี้...เจาบอล ปาและมา ผานพนวิกฤตนั้นมาได และยอมใหเจาเพื่อนใหมไบโพลาร เขามาเปนสวนหนึ่งของชีวิต ดวยการใชยาชวยใหสารเคมีในสมองกลับสูสมดุลดัง เดิม แตเหนือสิ่งอื่นใด การเขาใจ และการยอมรับ จากคนรอบขาง เปรียบเสมือนน้ําทิพยชโลมใจใหเจาบอล...
อดทนกับชีวิตที่ สุดโตง...ในรางเดียวของเขาตอไปได แลวคุณละพรอมหรือยัง...ที่จะใหโอกาสและแบงปน ชวยใหพวกเขาเหลานั้น
ไดกาวเดินไปพบกับแสงสวางที่ปลายอุโมงค
10
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
ชีวิตอันมืดมนของ “ออย” “ออย” หญิงวัย 40 ป หนาตาดี เธอเปนลูกสาวคนเดียวของครอบครัว ฐานะดี อาศัยอยูกับ แมและสามี พอเสียชีวิตหลายปแลว จากเหตุการณที่พอเสียชีวิตโดยกะทันหัน เธอไมสามารถทําใจได รูสึก สูญ เสียกับการจากไป หลังจากพอเสียชีวิต เธอเริ่มเก็บตัว ไมอยากคุยกับใคร ซึมลงเรื่อยๆ จนแมและสามี ตัดสินใจพาไปพบแพทยที่ โรงพยาบาลแหงหนึ่ง แพทยบอกวาเธอปวยเปนโรคซึมเศรา เธอเก็บตัวไมออกไป ไหนเลย พูดคุยกับแมและสามีนอยมาก ทั้ง 2 คนก็ไดใหกําลังใจตลอดเวลาและดูแลเปนอยางดี อาการเธอก็ เริ่มดีขึ้นเล็กนอย วันหนึ่งเธอไดฟงรายการวิทยุที่ฉันจัด ณ สถานีวิทยุชุมชนแหงหนึ่ง ไดจดเบอรโทรศัพทไ ว ทันที และทองจําชื่อของฉันไวในใจ “หมอเจี๊ยบ” เธอบอกวาไดยินเสียงแลวรูสึกถูกใจ จะเปนคนที่จะชวยเธอ ได เธอตัดสินใจโทรมา เธอบอกวาดีใจมากที่ฉันรับโทรศัพท และดีใจมากขึ้นอีก เมื่อฉันตอบวา “แนนอน ไดสิ คะ” หลังจากนั้นเธอไดพรั่งพรูคําถามมามากมาย จนฉันหัวเราะและบอกวาใจเย็น ๆ เธอบอกวา “ชอบเสียง หัวเราะพี่จังและรูสึกรักขึ้นมาทันที ” และมีคําถามหนึ่งที่เธอย้ําถามฉัน เธอถามเบาๆ วา “เปนซึมเศราชีวิต จะแยมั้ย จะหายไดอยางไร นอ งหาทางออกไมได ”เธอรองไหอยางหนัก จนฉันตองหยุด ใหเวลาเมื่อเธอ พรอม ก็ไดคุยกันแบบถอดใจ เอาใจเขามาใสเรา ซึ่งใหเธอคนหาคุณคาในตัวเองใหเจอและการสรางพลังดวย ตัวเอง ก็เปนสิ่งหนึ่งที่จะชวยใหเธอมีความเขมแข็งทางใจได ฉันพูดวา “เธอยังมีแมและสามีคอยดูแล ไมเคย ปลอยใหเธอโดดเดี่ยว แตที่เธอรูสึกโดดเดี่ยวเพราะเธอทําตัวเธอเอง ตองเปลี่ยนตัวเองใหได” คําถามทุก คําถาม คําตอบทุกคําตอบเหมือนตรงกับที่ใจเธอตองการหมด เธอบอกวา“ขอบคุณที่มาชวยเปดทางใหเธอ พนจากความมืดมน ขอบคุณที่ไดรูจักกัน” การทําใหคนๆหนึ่งหลุดพนจากความทุกข ทําใหฉันมานั่งคิดวา การรักษาดวยเครื่องมือแพง ๆ ยังไมไดผลเทากับการคุยกันเพียง 5 นาที เมื่อไหรเราใชตามอง เราจะเห็นแตภายนอก ความคิดที่ถูกลอม กรอบ แตถาเราใชทั้งตาและใจมอง จะเห็นวาจริงๆ มีอะไรอีกหลายอยาง ที่ไมตองเรียนมาก็รักษาใหได หลาย ครั้งที่พบวาเมื่อหยุดพูด หยุดคิด แลวปลอยตัวเองสักพัก เราจะไดยินหัวใจเราบอกความตองการของตัวเอง เชนกันเมื่อไหรที่เราตองการฟงหัวใจคนอื่นเราก็ตองพูดนอยลง ใชหัวใจฟงเขาใหมากขึ้น
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
11
ดูยังไง ใครซึมเศรา ชยพล สันติวรากร จากการที่ไดพบเห็นผูปวยสวนใหญไมทราบวาตัวเองเปนโรคซึมเศราและไมไดรับการรักษาทั้ง ที่ปจจุบันมียา และวิธีการรักษาที่ไดผลดี หากพบวาคนที่รูจักมีอาการดังตอไปนี้ รีบแนะนําใหเขาพบจิตแพทย โรคซึมเศรา เปนการปวยทั้งรางกายและจิตใจ และความคิดซึ่งผลของโรคกระทบตอ ชีวิตประจําวัน เชนการรับประทานอาหาร การหลับนอน คุณอาจเคยเห็นสัญญาณดังกลาวกับคนใกลชิด แต อาการของโรคซึมเศราจริงๆเปนยังไงไปดูกัน 4 สัญญาณอาการซึมเศรา 1. การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ รูสึกซึมเศรา กังวลอยูตลอดเวลา หงุดหงิดฉุนเฉียว โกรธงาย ไมอยูสุข 2. การเปลี่ยนแปลงทางความคิด รูสึกสิ้นหวัง มองโลกในแงราย รูสึกตัวเองไรคา 3. การเปลี่ยนแปลงการเรียนรูหรือการทํางาน ไมสนใจสิ่งแวดลอม ความสนุก งานอดิเรก หรือกิจกรรมที่ เพิ่มความสนุก 4. พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง นอนไมหลับ ตื่นเร็ว หรือหลับมากเกินไป บางคนเบื่ออาหาร โรคซึมเศรา อาจเกิดในคนที่มีการสูญเสียหรือโรคซึมเศรา อาจเกิดในคนที่มีโรคประจําตัวหรือเกิดใน คนปกติทั่วๆไป หากพบสัญญาณดังกลาวกับคนใกลชิด เพื่อนรวมงาน หรือคนที่เราตองการ ใหการ ชวยเหลือ ใหเขาไปพูดคุยแนะนํา รับฟงเพื่อนําเขาสูระบบการรักษา และใหกําลังใจเพราะโรคนี้ สามารถรักษาได
12
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
เธอผูไมแพ ศศิรกานต รุงสกุล เด็กผูหญิงวัยรุนรูปรางทวม สวมเสื้อยืดสีชมพูกางเกงขาสั้นสีฟาอยูเปนประจํา เดินเขามา ทักทายเจาหนาที่ง านสุขภาพจิต “สวัสดีคะ คุณหมอคนสวย” พรอมกับยกมือไหว ทั้งเจาหนาที่โรงพยาบาล ชุมชน และคนทั่วไปมักคุนหนาเธอเปนอยางดี นับตั้งแตเธอมาโรงพยาบาลครั้งแรกกับมารดา เพื่อขอใบสงตัว ไปรักษาโรคภาวะปญ ญาออน (Mental Retardation) ที่โรงพยาบาลศูนยประจําจัง หวัด เธอก็กลายเปน สมาชิกอีกคนหนึ่งของโรงพยาบาลชุมชนแหงนี้ เพราะเธอมักจะมาพรอมกับมารดาทุกครั้ง ที่ตองมาขอใบสงตัว และรักษาตามที่หมอไดนัดทีคลินิกเบาหวาน ความดัน “จุมจิ๋ม” มักจะทักทายเจาหนาที่ง านสุขภาพจิต และจําชื่อเลนของทุกคนได เธอชอบที่จะ พูดคุย และสนทนาเปนประโยคงายๆ เชน ไปไหนมา, กินขาหรือยัง เปนตน เมื่อพอใจแลวก็จะเดินกลับไปหา มารดาที่นั่งรอรับยา เธอไมไดประกอบอาชีพ แตก็สามารถดูแลตัวเองไดในการทํากิจวัตรประจําวัน และยัง สามารถดูแลมารดายาที่ปวยและตองนอนในโรงพยาบาลได เชน เช็ดตัว, คอยบอกพยาบาลเมื่อมารดาตองการ อะไร เปนตน จุมจิ๋ม เปนตัวอยางหนึ่งของผูมีภาวะปญญาออน (MR) และอยูในครอบครัวที่เขาใจ มีมารดา คอยดูแล คอยฝก จากที่เธอมีพัฒนาการที่ลาชา มีขีดความสามารถที่จํากัดในการสื่อความหมาย การชวยเหลือ ตนเอง สัมพันธภาพทางสังคม ครอบครัวของจุมจิ๋มไดรับความรูความเขาใจ ใชความอดทนพยายามและมุงมั่น เพื่อใหเธอสามารดูแลตัวเองได มีสัมพันธภาพกับผูอื่น อีกทั้งยังสามารถทํางานที่ไมซับซอนได ซึ่งเชื่อวายังมีอีก หลายครอบครัวที่ตองดูแลผูที่มีภาวะปญญาออน (MR) หากคนในครอบครัวมีความเขาใจ พยายาม หาขอมูล ฝกฝน ดูแล พยายามควบคุมอารมณ และคนในครอบครัว สังคมชวยเหลือกัน ผูที่มีภาวะทางปญญาออน (MR) จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลตนเองไดโดยไมเปนภาระใหกับคนในครอบครัวและสังคม โดยอีก สิ่งหนึ่งที่มีความสําคัญ นั่นก็คือ กําลังใจซึ่งกันและกันนั่นเอง
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
13
เบื่อเรื่องเพศ...ชีวิตคูไรสุข ความเบื่อหนายเรื่องเพศสัมพันธเปนปญหาที่ชีวิตคูหลายคูพบเจอ ซึ่งขึ้นอยูกับหลายปจจัยที่ นอกเหนื อ จากป จ จั ยทางชีว ภาพ ซึ่ ง ไดแ ก ภาวะสุ ขภาพทั่ว ไป โรคประจํ า ตั ว ป จ จัย ที่ สํ า คัญ อื่ น ๆ ได แ ก ความสัมพันธในชีวิตคู สภาพจิตใจและอารมณของแตละฝาย อาจเกิดจากความเครียดจากการทํางาน รวมทั้ง ทัศนคติที่ไมดีเกี่ยวกับเพศสัมพันธดวย โดยคูสมรสตองปรับความคิดและทัศนคติเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธเสีย ใหม คือ ตองไมมองเรื่องเพศวาเปนเรื่องสกปรก หรือเปนบาป การมี ค วามสุ ข ทางเพศเป น สิ่ ง สํ า คั ญ และควรเป น ที่ พึ ง พอใจในชี วิ ต สมรส ควรเป ด เผย ความรูสึกพึงพอใจหรือความชอบใหอีกฝายหนึ่งรู ไมควรปลอยใหปญหาเรื้อรัง หากไมหาวิธีแกไขก็จะไมดีขึ้น โดยเฉพาะฝายภรรยามักมีความตองการแตกตางจากสามี เชน มีความตองการทางเพศนอยกวา และมักให ความสําคัญกับความสัมพันธใกลชิดมากกวาการมีเพศสัมพันธ ภรรยาจึงใชความอดทน หรือจําใจมีเพศสัมพันธ เพื่อใหสามีมีความสุขและพึงพอใจ ในระยะยาวอาจเกิดความเบื่อหนาย และไมมีความสุข จนถึงขั้นมีอคติกับ การมีเพศสัมพันธ ตองเอาใจใสตอความตองการของกันและกัน เชน สามีตองตอบสนองตอความตองการของ ภรรยาดวย ตระหนักวาหญิง -ชาย มีความรูสึกและความตองการที่แตกตางกัน สามีมัก คิดวาเมื่อตนเองมี ความสุขแลวภรรยาก็จะมีความสุขดวย จึงละเลยความตองการของภรรยา ทําใหภรรยาขาดความสุขและไม อยากมีเพศสัมพันธ ความสุขทางเพศสัมพันธไมไดอยูเฉพาะเวลารวมเพศ การกระตุนอารมณและความรูสึกก็เปน สิ่ง ที่ สําคั ญ โดยเฉพาะในผูหญิ ง หากสามี ละเลยจะทํ าให ภรรยารู สึกเหมื อนว าตนเปน วัต ถุทางเพศเท านั้ น บางครั้ง ความเบื่อหนายเรื่องเพศสั มพันธอาจจะเกิดจากความซ้ําซากจํ าเจ หากไดเปลี่ยนบรรยากาศหรื อ สถานที่บางก็อาจทําใหดีขึ้น ในคูสมรสที่ฝายใดฝายหนึ่ง สุขภาพไมดีนั้น ควรใหความเห็น อกเห็นใจซึ่งกันและกัน และ พยายามตอบสนองความตองการเทาที่จะเปนไปได หากทําไมไดคูสมรสควรหากิจกรรมอื่นเขามาทดแทนเพื่อ สรางความสุขของชีวิตคูแทนได เชน ทํางานอดิเรก เที่ยวตามตางจังหวัด ออกกําลังกายดวยกัน เปนตน
14
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
พลังใจทามกลางวิกฤต สั ง คมที่ มี ค นเป น องค ป ระกอบ โดยส ว นมากมั ก พบกั บ ความวุ น วาย ตามมาด ว ยป ญ หา อุปสรรคในที่สุด เมื่อคนตองเผชิญกับภาวะวิกฤตอยางหลีกเลี่ยงไมไดที่เห็นไดชัดไมวาจะเปนการที่ตองเผชิญ กับโรคภัยไขเจ็บ วิกฤตเศรษฐกิจ สถานการณการเมือง สถานการณภัยพิบัติตามธรรมชาติ หรือแมแตภัยพิบัติ ที่เกิดจากน้ํามือมนุษย อยางเชน ทางชายแดนใตของประเทศไทย ซึ่งปญหาเหลานั้นจําเปนที่จะตองอดทน สู และฝาฟนสิ่งเหลานั้นไปใหได ดวย 2 แขน 2 ขา และ 1 หัวใจ การจะกาวผานปญหาไปใหไดนั้นไมใชเรื่องงาย แตก็คงไมยากเกินความสามารถที่จะทํา/ที่จะเปน แตวิธีการมากมายในการแกปญหาของแตละคนก็แตกตาง กันไป แตวิธีไหนที่จะเหมาะสม หรือดีที่สุด อาจไมใชรูปแบบตายตัวนัก อาจจะมีก็แต แนวทางไหนที่จะนําพา ไปสูการแกปญหาอยางยั่งยืนนั่นเอง ดวยสภาวะที่บุคคลพบปญหาและสามารถกาวผานปญหานั้นๆ มาได ดวยการปรับทัศนคติ เปลี่ยนวิธีการคิดและมีความยืดหยุนตอสถานการณตางๆ อีกทั้งยังเปนสวนในการเพิ่มภูมิคุมกันทางจิตใจ เรา เรียกสิ่ง นั้นวา “พลังสุขภาพจิต” หรือ Resilience Quotient: RQ ดวยมีหลักการสําคัญ งายๆ เพียง 3 ประการเทานั้น อีกทั้งยังจดจําไดไมยาก คือ “อึด ฮึด สู” ดวย พลังอึด จะนําพาใหบุคคลฝาฟนปญ หาภายใตแรงขับภายในตนเองวา ความกดดัน ที่ ผานเขามาในครั้ ง นี้จะผานไปไดโ ดยเร็ว ด วยความสามารถในการควบคุมอารมณ ของตนใหอ ยูในระดับ ที่ เหมาะสมตอความกดดันเหลานั้น พลังฮึด ถือเปนกําลังใจที่ดีและหาไดไมยาก ทั้งจากตนเองและบุคคลรอบขาง ดวย แนวความคิดที่วา ปญหาเหลานั้นจะผานพนไปในอีกไมชาและจะตองผานไปไดดวยดี พลังสุดทาย พลังสู สูในที่นี้ไมไดเชิญชวนใหคุณหรือใครเดนออกไปฟาดฟนหรือโจมตีกับ บุคคลอื่น แตหมายถึงใหคุณสู สูกับปญหาดวยสติและสมาธิภายใตความเหมาะสม หรือแมแตการปรับตัวใหเขา กับสถานการณนั้นๆ ใหจงได เพียงแคคุณ หยุดตึง ยืดหยุนบาง ปรับหรือรับสิ่งใหมๆ เขามาในชีวิต และคิดมองในมุมบวก อยูอยางสม่ําเสมอ เพียงเทานี้ชีวิตที่ดูจะไมสวยหรู วุนวาย อาจกลายเปนวันธรรมดาที่แสนวิเศษขึ้นมา ดวย ทักษะของการใชชีวิตอยางผูมีพลังสุขภาพจิตก็เปนได
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
15
มาทําความรูจักและชวยเหลือเด็กสมาธิสั้นกันเถอะ ปราณี ฉันทพจน เมื่อไปในสถานที่ตางๆ เชน รานอาหาร หางสรรพสินคา เราอาจจะมีโอกาสไดพบเจอเด็กมาพรอม ผูปกครองที่เรารูสึกวาเด็กซนมาก ไมสามารถอยูนิ่งๆไดเลย แมวาผูปกครองจะปรามเปนระยะๆ หรือเห็นวามีการ โพสหรือแชรขอมูลใน Internet แสดงความคิดเห็นวา “ดูแลเด็กหนอย ลูกคนไมไดนารักสําหรับทุกคนในสังคมนะ” หรือบางครั้งอาจแสดงความคิดเห็นดวยถอยคําที่รุนแรง เชน “เด็กเปรต เด็กนรก เด็กพอแมไมสั่งสอน” จึงอยากให ไดรูจักกับโรคสมาธิสั้น )Attention Deficit Hyperactivity Disorder : ADHD) ซึ่งเด็กที่เปนโรคนี้จะมีปญหาดาน การควบคุมตนเองจนกอใหเกิดปญหาแกคนรอบขางไดบอยๆ อาการโรคสมาธิสั้นจะมีอาการเดน คือ 1)ซุกซน อยูไม นิ่ง 2) ไมมีสมาธิ 3)หุนหันพลันแลน การบําบัดรักษาโรคสมาธิสั้น 1. การรักษาดวยยา ทําใหเด็กนิ่ง ซนนอยลง ดูสงบลงและมีสมาธิมากขึ้น มีความสามารถในการควบคุมตัวเอง 2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการชวยเหลือทางดานจิตใจ ชวยใหเด็กมีสมาธิ มีความอดทน ควรใหขอมูลแก พอแมโดยเฉพาะความเขาใจผิดที่คิดวาเด็กดื้อหรือเกียจคราน 3. การชวยเหลือดานการเรียน ประสานงานกับครูเพื่อจัดการเรียนการสอนใหเหมาะกับเด็ก การรักษาสมาธิสั้นที่ดี คือ การผสมผสานการรักษาหลายๆดาน การรักษาอยางถูกวิธจะทําใหเด็ก รูสึกมีคุณคาในตัวเองเพิ่มขึ้น ความสัมพันธกับเพื่อนหรือคนรอบขางดีขึ้น พอแมควรทําอยางไรเมื่อลูกเปนโรคสมาธิสั้น พอแมตองเรียนรูเทคนิคที่ถูกตองเพื่อชวยในการจัดการกับพฤติกรรม ที่เปนปญหาของเด็ก ดังนี้ 1. ปรับทัศนคติที่มีตอเด็ก โรคสมาธิสั้นเปนความผิดปกติของการทํางานของสมอง พฤติกรรมที่กอปญหาของเด็ก ไมไดเกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะกอกวนใหเกิดปญหา แตเพราะเด็กไมสามารถควบคุมตนเองได ไมไดแกลง ไมใชนิสัย ไมดี ไมใชเด็กดื้อไมอดทน ไมใชสอนไมจํา ไมใชไมมีความรับผิดชอบ 2. ใชเทคนิคการปรับพฤติกรรมที่ไมทําลายความรูสึกมีคุณคาในตัวเองของเด็ก ดังนี้ - ลดสิ่งเรา จัดหาสถานที่ใหเด็กทําการบาน อานหนังสือ โดยไมมีใครรบกวน และไมมีสิ่งทําใหเด็กเสียสมาธิ เชน ทีวี หรือของเลนอยูใกล ๆ - เพิ่มสมาธิ ถาเด็กวอกแวกหรือหมดสมาธิงาย มีผูใหญนั่งประกบระหวางทําการบาน เพื่อใหงานเสร็จ และ เวลาสั่งใหเด็กทํางาน ควรใหเด็กพูดทวนคําสั่งที่พอแมเพิ่งสั่งไปทันที เพื่อใหมั่นใจวาเด็กฟงคําสั่งและเขาใจวาพอแม ตองการใหเขาทําอะไร
16
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
- เพิ่มการควบคุมตนเอง จัดตารางกิจกรรมใหชัดเจน เมื่อเด็กทําผิดพอแมและบุคคลอื่นในบานตอง พยายามควบคุมอารมณ อยาตวาดตําหนิเด็กหรือลงโทษทางกายอยางรุนแรง การใชความรุนแรงกับเด็กสมาธิสั้นจะทําให เด็กโตขึ้นมาเปนเด็กกาวราวและใชความรุนแรงในการแกปญหา โรคสมาธิสั้นคนพบมานานกวา 100 ป เมื่อกอนไมไดเปนที่รูจักกันแพรหลาย ปจจุบันเกณฑการ วินิจฉัยโรคของแพทยมีความชัดเจน ครูและผูปกครองมีความรูเกี่ยวกับโรคนี้เพิ่มขึ้น ทําใหเด็กที่มีอาการเขาขายโรค สมาธิสั้นถูกคนพบและไดรับการวินิจฉัยมากขึ้น เลยทําใหดูเหมือนวาเปนการแพรระบาดหรือเปนแฟชั่นของสังคม ปจจุบัน การสามารถสังเกตพฤติกรรมผิดปกติของเด็กเบื้องตน ก็จะชวยใหเด็กไดเขาสูระบบบําบัดรักษาอาการสมาธิ สั้นสงผลดีกับผูปวยโรคสมาธิสั้นตอไป
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
17
ไมรูจักฉัน...ไมรูจักเธอ พรศิริ หาระพันธุ “คุณตาคะ คุณตามาทําอะไรแถวนี้คะ” คุณตาไมพูดจา ตามองไปขางหนา เหมอลอย “คุณ ตานั่งกอนนะคะ ทานน้ํากอนคะ” เด็กนอยบอกคุณตา สักพักมีคุณยายคนหนึ่งเดินมา “อีหนูเอยเห็นคุณตามั้ย ลูก เดินมาแถวนี้มั้ย” คุณยายรุนราวคราวเดียวกันกับคุณตาเดินมาถาม “ออ คุณตานอนอยูตรงนั้นคะ” เด็ก นอยบอกพรอมชี้มือไปที่เถียงนา “เห็นแกเดินมาถามวาสบายมั้ย แลวคุณตาก็นอนหลับไปคะ” เสียงเจื้อยแจว ของเด็กจอยเจรากับคุณยายอยางคลองแคลว คุณยายเลาวา “บางวันคุณตาก็เดินไปไกลมาก บางวันทานขาว แลวก็บอกวายังไมไดทาน เวลาลูกเตามาหาคุณตาก็ไมรูจักและกลัวลูก และจะถามชื่อลูกซ้ําๆ วาเปนใครมาจาก ไหน” ผูเขียนจําไดขึ้นใจ คุณตาและคุณยายสองคนนี้อยูบานติดกับผูเขียน และเด็กนอยในวันนี้ก็คือผูเขียนใน วันนี้ อาการที่คุ ณ ตาเปน นั้ นหลายๆ คนคงรูจั ก กัน ดี ว า เป น โรคอย างหนึ่ง ซึ่ง โรคนี้ จะเกิด กั บ ผูสูงอายุ ซึ่งก็คือโรคอัลไซเมอร โรคนี้มักจะมีอาการคอยเปนคอยไปแตจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อาการที่ เกิดขึ้นนั้นจะไปกระทบกับกระบวนความจําในปจจุบัน ซึ่งเปนอาการของคุณตา ในระยะเริ่มแรกอาจไมไดเกิดขึ้นตลอดเวลา บางครั้งผูปวยยังดูดี ความผิดปกติที่มากขึ้นจะมี ผลตอการวางแผน การตัดสินใจ และในที่สุดจะมีผลตอการดําเนินชีวิตประจําวัน อารมณเปลี่ยนแปลง ขึ้น ๆ ลงๆ หงุดหงิด โมโห หรือมีอาการซึมเศรา กอใหเกิดปญหาในครอบคารัว โรคอัลไซเมอร เปนโรคที่ไมสามารถรักษาใหหายขาดได ผูปวยตองไดรับการดูแลอยางใกลชิด ลูกหลานที่อยูดวย และผูที่เปนคูชีวิตก็อาจจะตองศึกษาการดูแลผูปวยโรคนี้ ซึ่งจะไดพบกับวิธีการตางๆ ในการ ดูแล ในฉบับตอไป
18
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
รับมือ...เมื่อตกงาน อานนท ฉัตรทอง สถานการณตางๆ ในปจจุบัน กําลังทําใหใครหลายคนอยูในภาวะที่ไมสงบ หนึ่งในผลกระทบ ที่รุนแรงมากที่สุดทางเศรษฐกิจ คือ ปญหาการตกงาน การตกงานแบบที่ไมคาดคิดมากอน หลายคนไมอยาก เชื่อวาเหตุการณเชนนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง แตการตกงาน การปรับเปลี่ยนตําแหนง และการถูกไลออก ก็กลาย มาเปนเงื่อนไขธรรมดาที่เกิดขึ้นไดตลอดเวลา โดยไมเลือกอายุ เชื้อชาติ หรืออาชีพ ก็ทําใหมนุษยเงินเดือนอยาง พวกเราตองตระหนักถึงสิ่งเหลานั้นมากขึ้น โดยทั่วไป เราทราบดีอยูแลววา ควรทําอยางไรกับตนเอง ดังนั้น ควรหาทางพัฒนาความ มั่นคงทางจิตใจหรือความรูสึกของตนเองใหดีขึ้น และหาหนทางในการกาวไปขางหนาเพื่ออนาคตที่ดีกวา แทนที่จะจมอยูกับอดีตที่ผานไปแลว คุณลองพิจารณาสิ่งเหลานี้ - ไมใชตัวคนเดียว หากมีครอบครัวของตนเอง การตกงานอาจกอใหเกิดปญหาดานการเงิน ซึ่งมี ผลกระทบกับคนในครอบครัวโดยตรง ตองวางแผนการใชเงินภายในครอบครัวใหม - คํานวณคาใชจาย แนนอนวา จะตองมีการวางแผนการใชเงินใหม ตองประหยัด ลดคาใชจายทั้งใน สวนที่จําเปนและไมจําเปนลง โดยอาจจะเริ่มจากการทานขาวที่บานบอยขึ้น ซื้อของในรานขายสินคาราคา ประหยัด หากสถานการณแยมาก อาจตองนําสิ่งของภายในบานไปแลกเปลี่ยนเปนเงินเพื่อมาใชจาย เมื่อคุณ หางานทําไดอีกครั้ง คุณจะมองเห็นคุณคาของการใชเงินและตัดสิ่งที่ไมจําเปนออกไป เพื่อออมเงินไวใชในคราว จําเปนซึ่งอาจเกิดขึ้นไดอีกในอนาคต - ทบทวนสิ่งตางๆ หากตองการเวลาในการคิดทบทวนเกี่ยวกับเปาหมายในการทํางาน นี่คือ ชวงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการใครครวญ ในกรณีที่ยังตองการหางานใหมทํา ควรใชโอกาสนี้ในการ ไตรตรองวาเปาหมายในการทํางานของตนเองคืออะไร และไดใชความรูความสามารถของตนเองเต็มที่แลวหรือ ยัง? และมีเวลาในการทําตามใจตนเองเพียงพอหรือยัง? อยากทํางานแบบเปนทีม หรือทํางานแบบตัวตนเดียว? เปาหมายในการทํางานในอีกหาปขางหนา? และจะแนใจไดอยางไรวา หนาที่การานใหมจะทําใหประสบ ความสําเร็จและกาวไปสูเปาหมายที่ตนเองตองการได? จงพยายามหาคําตอบใหกับคําถามที่นาเบื่อเหลานี้ใหได เพราะจะชวยใหเราสามารถกําหนดเปาหมายในการสมัครงานได ซึ่งหนาที่การงานใหม จะทําใหตนเองและคน รอบขางมีความสุขมากยิ่งขึ้น แมวาคุณอาจจะไมมีงานทําในตอนนี้ แตอยาปลอยใหตนเองตองตกเปนเหยื่อจาก สถานการณที่เลวราย ควรมองหาโอกาสที่จะพัฒนาตนเอง ตองรูจักปรับตัวเพื่อความอยูรอด เพราะชีวิตนั้น ขึ้นอยูกับการควบคุมและความเชื่อมั่นในตนเอง ดังนั้น จงเริ่มตั้งแตตอนนี้
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
19
เรื่องเลา: กรณีศึกษา สุดา ยุทธโท ผูปวยหลายรายที่มีปญหาซับซอน ควรไดรับการติดตามดูแลตอเนื่องที่บาน ดั่งเชนผูปวยราย นี้เปนผูปวยนอก โรงพยาบาลจิตเวชแหงหนึ่ง ผูปวยชื่อนางวี ใจนอย (นามสมมุติ) อายุ 65 ป น้ําหนัก 64 กิโลกรัม อาชีพวางงาน เชื้อชาติ ไทย การศึกษา ประถม ศาสนาพุทธ สถานภาพ หมาย บานเดิมอยู จังหวัด ลพบุรี การวินิจฉัยโรค Major Depressive Disorder เปน DM, HT, ไขมันสูง นาน 2 ป รักษาโรงพยาบาล ทั่วไปแหงหนึ่งในจังหวัดสงขลาสม่ําเสมอ อาชีพรับจางซักผา ตอมาเปนแมบานของโรงพยาบาลแหงหนึ่งใน จังหวัดสงขลา วันละ 100 บาท ทําวันเวนวัน มีลูก 3 คน อยูตางจังหวัด ติดตอลูกสาวได แตลูกสาวไมมาเยี่ยม คิดวาปวยเล็กนอย สามีเสียชีวิตนานแลว จากเรือถูกโจรปลน อาการสําคัญ คิดมาก นอยใจงาย กลัวตาย ไมกลาเขาใกลคนใสชุดสีดํา ไมกลาอยูคนเดียว มีอาการ มา 1 เดือน นอนสะดุงบอย เครียด คิดวาตนเองไรคา ทอแท หมดกําลังใจ ไมมีใครสนใจ ไมมีใครรัก เพราะปวยหลายโรค อายุมาก คนอื่นเขารังเกียจ ผล2Q 2 คะแนน 9Q 16 คะแนน เมื่อ 10 ปกอน รับจางที่ บานแหงหนึ่ง เจาของบานมีหลายคน หลายวัย หลายอารมณ ทุกคนจะปลดปลอยอารมณลงไปที่ผูปวย เชน ขวางปาจาน ชามใสอาหาร ใสผูปวย จนอาหารหกเละเทอะ ผูปวยก็ตองทําความสะอาดเศษอาหาร ดุดาใหเสีย ๆหาย ๆ รุนแรง ตลอด ผูปวยไมไดแสดงความไมพอใจใหนายจางเห็น ไดแตทนแลวก็ทน ทําใหเปนคนเงียบ นิ่งเฉย ไมคอยพูดกับใคร ขณะอยูคนเดียวรูสึกกลัว ผวา วังเวงในบาน เครียด ซึมเศรา ไปรักษาที่คลินิก เปน โรคซึมเศรา ทํางานได 7 เดือน ลาออกมาเชาบานอยูค นเดียว ปจจุบันวางงาน อยูคนเดียว ลูกๆไมมาดูแล แมยามปวยไข หรือไดรับการผาตัด เพื่อนบาน เซ็นยินยอมเขารักษาในโรงพยาบาล และชวยกันบริจาคคารักษา คาเดินทางมาพบแพทยทุกครั้ง อาหารแต ละวันไมมีจะรับประทาน เพื่อนบานแบง ให ไดกินบาง ไมไ ดกินบาง น้ําหนักตัวลดลง เดือนละ 1 กิโลกรัม เพื่อนบานจะมาดูที่หองเปนชวงๆ เนื่องจากมักจะเก็บตัวอยูในหองคนเดียวเกือบตลอด นาน ๆจึงจะลงไป พูดคุยกับเพื่อนบานบาง เพื่อนบานอาชีพขายของหาบเร ถั่วตม เผือกมัน ไขปง ผลไม แตละคนก็กลับมาบาน ตอนเย็น ๆ หรือบางวันก็มืดค่ํา ชวงกลางวันผูปวยจะอยูคนเดียว ไดรับยา Fluoxetine 20 mg 1 mg 1เม็ด หลังอาหารเชา T5 1 เม็ด 2 ครั้ง หลังอาหารเชา เย็น D5 1 เม็ด กอนนอน ไดสงเสริมการเห็นคุณคาในตนเอง เนนใหผูปวยเขาใจความรูสึกที่ดีของตนเอง วา ตนเองมีคุณคา มีความสามารถ มีความสําคัญ ปรับเปลี่ยนความคิดโดยการสรางความหวัง สรางแรงจูงใจในตน
20
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
เลี้ยงลูกอยางไรเสี่ยงตอไอคิวอีคิวต่ํา เบญญาภา สมลักษณ การดําเนินชีวิตของครอบครัวและการเลี้ยงดูลูก ในปจจุบันมีแนวโนมที่จะสงผลใหเด็กกลายเปนคนที่มี ไอคิวอีคิวต่ําลงจริงหรือ? ลองคนหาวิธีการเลี้ยงดูของคุณวาเปนแบบนี้หรือเปลา? ๑. เลี้ย งแบบสบายเกิน ไป จะมี ผ ลทํ า ให เ ด็ก ขาดความอดทน ไม ใ ชค วามพยายามของตนเอง แกปญหาเองไมได เวลาเผชิญกับความลําบากจะยอมแพงายๆ ๒. เลี้ยงแบบไมใหชวยเหลือตนเอง แมแตเรื่องเล็กๆนอยๆ จะทําใหเด็กกลายเปนคนแกปญหาไมเปน ขาดความสามารถในการปรับตัวใหเหมาะสมกับสังคมหรือสถานการณรอบขางที่เปลี่ยนแปลง ๓. เลี้ยงแบบโตไมสมวัย พอแมที่มักจะปลอยใหลูกมีพฤติกรรมแบบเด็ก ทั้งๆที่เขาสูวัยรุน จะทําให เด็กไมมีวุฒิภาวะ ใชชีวิตเรื่อยเปอย ขาดความกระตือรือรน และไมมีแรงจูงใจที่จะพัฒนาตัวเอง ๔. เลี้ยงแบบเนนเรียนมากเกินไป เด็กที่มัวแตใชเวลาสวนใหญไปกับการเรียนพิเศษก็จะขาดทักษะ อื่น ๆ เชน การเขาสัง คม ดนตรี กีฬา เด็กบางคนที่พึ่ง คุณครูหรือพอแมมากเกินหรือพอแมชวยทําการบาน ก็มักจะติดนิสัยพึ่งพาผูอื่น และไมขวนขวายหาความรูดวยตนเอง ๕. เลี้ยงแบบใชความรุนแรง เด็กที่ถูกกระทํารุนแรงไมวาทางวาจาหรือทางกาย จะเกิดความรูสึก วิตกกังวล กลัว กดดัน เครียด โกรธ อยากแกแคน เด็กบางคนถึงขั้นคิดหนีออกจากบาน หรือจมอยูกับความ ทุกขเปนเวลานาน อารมณเสียงาย ยิ่งถาเด็กที่อยูในครอบครัวที่มีแตการใชความรุนแรง เห็นพฤติกรรมรุนแรง ของผูใหญ หรือเคยถูกกระทํารุนแรงทางกาย จะเลียนแบบและมีพฤติกรรมใชความรุนแรงมากกวาเด็ก ที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไมมีการใชความรุนแรง ๖. เลี้ยงดวยทีวีหรือแท็บเล็ต เด็กเห็นภาพความรุนแรงหรือพฤติกรรมไมเหมาะสมผานทางโทรทัศน หรือแท็บเล็ต วันละหลายๆ ครั้ง จะสงผลตอการเลียนแบบพฤติกรรม และความฉลาดทางอารมณของเด็กทั้ง ทางตรงและทางออม เห็นภาพการดื่มเหลา สูบบุหรี่ การฆากัน การฆาตัวตาย บอยครั้ง จึง ไมแปลกใจวา ทําไมเด็กสมัยนี้ ถึงดื่มแอลกอฮอลและสูบบุหรี่เร็ว และมีพฤติกรรมกาวราวรุนแรง ถาจะใหดีพอแมหรือผูเลี้ยง ควรใชโทรทัศนเปนเครือ่ งมือสรางไอคิวอีคิวใหสูงขึ้นดวยการนั่ง ดูโทรทัศนพรอมเด็ก เพื่อจะไดแนะนําในสิ่งที่ ถูกที่ควร และเปดโลกทางความคิดดวยการเลือกดูรายการที่มีสาระมากกวาบันเทิง ถาพอแมหรือผูเลี้ยงรูอยางนี้แลว ยังคงจะทําแบบเดิมไหม? หรือวาจะลองเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดูใหม โดยเริ่มตนจากครอบครัว ใชเวลารวมกัน ผูกพันดวยความรัก ความรูสึกดี ๆ การใชคําพูดที่ดีตอกัน ฝกใหเด็ก รับผิดชอบและลงมือทําดวยตนเอง พอแมหรือผูเลี้ยงดูคอยสนับสนุนและใหกําลังใจ ลดความคาดหวังแตให เกียรติและการยอมรับแทน
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
21
เศรา...แลวไง ศิริจันทร สุขใจ ปจจุบันนี้ตองยอมรับวา “โรคซึมเศรา” เปนปญหาดานสาธารณสุขที่สําคัญและไดรับความ สนใจจากคนในสังคมกันมาก แตจะมีสักกี่คนที่เขาใจและรูเรื่องโรคซึมเศราไดอยางถูกตอง หลายคนไมกลาที่จะ ไปตรวจที่โรงพยาบาลจิตเวชกลัวถูกมองวาเปน “บา” แตกลับไมกลัววาถามีอาการซึมเศรามาก ๆ อาจจะทํา รายตัวเองหรือฆาตัวตายได โรคซึมเศรา ไมใชโรคจิต สามารถรักษาหายได สาเหตุการเกิดโรคไมทราบแนชัดวาเกิดจาก อะไร แตมีปจจัยที่เกี่ยวของคือ เปนโรคที่มีความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมองบริเวณสวนที่เกี่ยวของ กับการควบคุมและการแสดงออกของอารมณ พันธุกรรมเปนปจจัยหนึ่งทําใหเกิดโรคซึมเศรา หรือเหตุการณ ที่กอความเครียดในชีวิต อาการสําคัญ 1. มีอารมณเศรา อารมณเศรามีเกือบตลอดวันและเปนทุกวัน บางวันอาจเปนมากบางวันอาจเปนนอย 2. ความสนใจหรือความเพลิดเพลินในกิจกรรมตางๆที่เคยทํา แทบทั้งหมดลดลงอยางมาก 3. เบื่ออาหารจนน้ําหนักลดลงหรือบวงรายอาจมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น 4. นอนไมหลับ หรือ หลับมากแทบทุกวัน สวนใหญจะนอนไมหลับ กระสับกระสาย หลับดึกแตจะตื่นเชา 1-2 ชั่งโมงกอนเวลาปกติที่เคยตื่นและไมสดชื่น 5. ทําอะไรชา พูดชา เคลื่อนไหวชา 6. ออนเพลียหรือไรเรี่ยวแรงทั้งวันและแทบทุกวัน 7. รูสึกตนเองไรคาหรือรูสึกผิดมากเกินควร 8. สมาธิหรือความคิดอานชาลดลง 9. คิดอยากตายไมอยากมีชีวิตอยู บางรายรุนแรงอาจมีอาการประสาทหลอน หูแวว ลองสังเกตอาการตัวเอง ถาคิดวาตัวเองเริ่มมีความเครียดหรือไมสบายใจ หรือเริ่มมีอาการ ที่กลาวมา เพื่อใหแนใจวาปวยหรือไม สามารถไปรับการตรวจประเมินโรคซึมเศราไดที่ โรงพยาบาลใกลบาน ซึ่ง “โรคซึมเศรา สามารถรักษาใหหายได” ดวยการรับประทานยาตานเศรา และถามีอาการซึมเศราในระดับ นอยๆไมตองรับประทานยา แคออกกําลังกายทุกวัน วันละ 30 – 45 นาที สามารถลดอาการเศราได
ขอมูลจากหนังสือ โรคซึมเศรา โดยนายแพทย ธรณินทร กองสุข
22
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
สถานการณของกลุมชาติพันธุที่ผานมา นายชูพงษ สังขผลิพันธ การพัฒนาประเทศในรอบ 20 ปที่ผานมา ปรากฏวาสวนใหญไดเนนหนักการขยายฐานและ อั ต ราการเจริ ญ เติ บ โตทางด า นเศรษฐกิ จ ซึ่ ง ได ส ง ผลกระทบทางด า นสั ง คม การเมื อ ง และการ ปกครองหลายดาน และจะเห็นไดวาผลของการพัฒนาเศรษฐกิจนั้นยังไมไดกระจายไปสูคนสวนใหญเทาที่ควร กอใหเกิดปญหาตามมาดังนี้ 1. สภาพโครงสรางสังคม ยังมิไดรับการพัฒนาใหสอดคลองกับการเปลี่ยนแปลงทางดานเศรษฐกิจ กลาวคือการเปลี่ยนแปลงโครงสรางของระบบเศรษฐกิจ ทําใหฐานอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้นอยางรวดเร็วในเขต เมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกันระบบการผลิตของภาคเกษตรในชนบทก็ไดเปลี่ยนแปลงไป จากการผลิตเพียงพออยูพอกินมาเปนการผลิตเพื่อการคาและรายได เปนผลใหเกิดกลุมบุคคลอาชีพใหมหลาย ประเภทขึ้น ทําใหความสัมพันธระหวางคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป และเกิดความไมสมดุล เกิดปญหาความ เหลื่อมล้ําเหลานี้ได 2. ระบบการเมือง การปกครอง ถึงแมจะมีวิวัฒนาการมาตั้ง แตป 2475 เปนตนมาก็ตาม ระบบ ราชการที่เปนอยูก็ยังไมไ ดพัฒ นาจากแนวความคิดที่วาขาราชการเปนผูปกครองประชาชนแทนที่จะเปน ผู บริการประชาชนตามลักษณะของระบบการพัฒนาบริหารใหม และมิไดสงเสริมใหประชาชนหรือองคกรชุมชน เขามามีบทบาทในการพัฒนาหรือมีสวนรวมในการปฏิบัติงานหรือติดตามผลงานของขาราชการเทาที่ควร 3. การเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วของจํานวนประชากรไมไดสัดสวนกับทรัพยากรเศรษฐกิจที่มีอยูหรือไม สัมพันธกับโอกาสการมีงานทําไดกอใหเกิดปญหาสังคมตามมาอีกหลายดาน ตลอดทั้งการอพยพยายถิ่น ความ แออัดและการขาดแคลนที่อยูอาศัยในเมือง ยิ่งทําใหเกิดสภาพแวดลอมทางสังคมที่มีผลกระทบตอสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของประชาชนในเมืองโดยทั่วไป เกิดปญหาการใชแรงงานเด็กและสตรี และเกิดผลกระทบตอ สถาบันครอบครัวและสงผลสะทอนถึงสังคมโดยสวนรวมในที่สุด 4. ความเสื่อมโทรมของวัฒนธรรม ทําใหเกิดปญหาในสังคมเพราะการพัฒนาที่ผานมาไดทําใหการ สื่อสารคมนาคม กาวหนาขึ้นอยางรวดเร็ว มีผลทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงคานิยมที่ขัดกับวัฒนธรรมไทยดั้งเดิม หลายอยางโดยไดรับอิทธิภาพคานิยมทางวัตถุเกิดความตองการในสิ่งฟุมเฟอยมากขึ้น จึงทําใหสังคมโดยทั่วไป ขาดการประหยัดมัธยัสถ ปจจุบัน ประเพณีปฏิบัติของแตละกลุมชาติพันธุเปลี่ยนแปลงไปมากไมวาจะเปน คนเมือง, คนพื้นราบหรือแมแตคนชนเผาเองเนื่องจากวิถีชีวิตเปลี่ยนไปจากการรุกคืบเขามาของประเทศ ตะวันตก ซึ่งคน ชนเผ า ได รั บ ผลกระทบจากการเปลี่ ย นแปลงนี้ อ ย า งมาก เนื่ อ งจากการเข า มาของเทคโนโลยี ต า ง ๆ เครื่องใชไฟฟา การคมนาคมที่สะดวกรวดเร็วขึ้น ทําใหความทันสมัยตาง ๆ เหลานั้นเขาไปในชุมชนคนชนเผา อยางรวดเร็ว
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
23
สบายดีจะเด็กไทย ตั ว คุ ณ เตรี ย มพร อ มเข า สู AEC แล ว หรื อ ยั ง ตอนคุ ณ พาลู ก ไปส ง ที่ โ รงเรี ย น ก็ จ ะเห็ น ปรากฏการณที่นอกจากจะเห็นธงชาติไ ทยผืนใหญ แลวยังจะเห็นธงชาติตางๆในกลุมประเทศอาเซียน ถาไม สังเกตเห็นถือวาเชยมาก เพราะเขารณรงคมามากวา 3 ปแลว ผานสื่อตางๆ เอาละ เข าเรื่ องเลยแล วกั น คําว า “สบายดี” เปนคํ าทั กทายคลา ยกั บคํา วา “สวัส ดี” ใน ภาษาไทย หากคุ ณติ ดตามนอ ง ณัช ชา ลู กสาวพี่บ อบ ก็ จะมีป ระโยคที่ ติด ปากคื อ ดูป ากณัช ชานะคะ ทั้ ง ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ณัชชาออกเสียงไดอยางชัดเจนกับเจาของภาษา เกิ ดอะไรขึ้น กั บเด็ กมหัศ จรรย คนนี้ เกิด และโตในเมื องไทย พู ด ภาษาต างประเทศได ชั ด ปรากฏการณนี้จึงเกิดขึ้นในชวงวัยเด็กเทานั้น ภาษาอังกฤษเรียกวา Golden Opportunity คือโอกาสทอง ของการสอนภาษาที่ 2 หรือ 3 ของลูกนอยคุณ มาลองสังเกตกันสมัยเราเด็กๆ ภาษาอังกฤษเราเริ่มตอน ป.5 ตอนนั้นเราก็อายุ 10 หรือ 11 ป ถือวาชาไปแลว เมื่อเราอยากใหลูกนอยของคุณ เขาสู AEC อยางมั่นใจ ใหเริ่ม ภาษาที่สองพรอมกับเด็กที่เริ่มพูดเลย โอกาสทองของภาษาที่ 2,3 จะอยูในชวง 18 เดือน – 9 ป จะเห็นไดวา รุนคุณพอคุณแมอยางเราภาษาที่ 2 คือภาษาไทย หากเกิดขึ้นที่อีสานภาษาแรกก็คือภาษาอีสาน ดังนั้นอยากให ลูกคุณพูดภาษาที่ 2 ไดเลยทันทีนะครับ อยารอใหสายไป
24
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
สมอง...ยาเสพติด...โรคจิต เกี่ยวพันกันอยางไร นันทนา รัตนากร การใชสารเสพติด นอกจากสงผลเกิดปญหาสุขภาพกาย ใจและอารมณของผูเสพแลว ยังสงผล กระทบตอครอบครัว เปนภัยตอความสงบสุขของสังคม และเปนปญหาระดับชาติ การติดสารเสพติด เปนกระบวนการตอเนื่องที่เกิดขึ้นอยางรวดเร็ว โดยเฉพาะสารเมทแอมเฟตา มีน ซึ่งมีผลตอสมอง คือ สมองสวนคิด และสมองสวนความรูสึกถูกทําลายอยางถาวร สมองฝอลง และสูญเสียการ ทํางาน ไมสามารถยับยั้งความตองการหรือควบคุมอารมณความรูสึกของตนเองได ปญหาการใชสารเสพติด...รุนแรงแคไหน ? ปญหาการใชสารเสพติดหรือสารเมทแอมเฟตามีน เปนปญหาใหญที่มีการแพรระบาดไปทั่วโลก พบวา ประชากรกวา 35 ลานคนเสพสารนี้ และมีความรุนแรงสูงขึ้นในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต สารกลุมเมทแอมเฟตามีนที่แพรระบาดมากที่สุดมี 4 ลักษณะคือ 1) ชนิดเม็ด หรือ “ยาบา” ซึ่งมี สารเมทแอมเฟตามีนประมาณ 10-30% 2) ชนิดเกร็ด หรือ “ไอซ” มีสารเมทแอมเฟตามีน ประมาณ 90% 3) ชนิดผง และ 4) ชนิดน้ํามันขน ในประเทศไทย พบวา ผูใช “ยาบา” มีอายุนอยลงในกลุมเยาวชนอายุ 15-19 ป และอายุต่ํากวา 15 ป มีการใช “ไอซ” มากขึ้น ซึ่งความรุนแรงมากกวา “ยาบา” หลายเทา การใชเมทแอมเฟตามีน มีความสัมพันธกับการเกิดอาการทางจิต หรือเรียกวาเกิด “ภาวะโรค รวมจิตเวชสารเสพติด” ซึ่งเมื่อสารดังกลาวผานเขาสูสมอง มีผลทําใหสารสื่อนําประสาท หรือ “สารโดปามีน” ใน สมองผิดปกติ เกิดอาการทางจิต ถึงแมอาการทางจิตจะหายไปไดหลังหยุดเสพยา แตอาจพัฒนากลายเปนโรคจิต เวชเรื้อรังได แลวจะหางไกลจากการเสพยา...ไดอยางไร? ชุมชน
สิ่งสําคัญ คือ การเสริมสรางความเขมแข็งทางใจตั้งแตวัยเด็ก ทั้งในครอบครัว โรงเรียน และ
ในครอบครัวทําอะไรไดบาง....มีผลงานวิจัยพบวา เด็กที่มีความเขมแข็งทางใจสวนมากมีความ ผูกพันใกลชิดกับผูใหญอยางนอยหนึ่งคน ซึ่งไมจําเปนวาตองเปนบิดา มารดา อาจเปนญาติ ครูอาจารย หรือผูนํา ศาสนาในชุมชน ซึ่ง สามารถใหการดูแลที่มั่นคง ใหความรัก ความเอาใจใสที่เ หมาะสมและเพียงพอตอ ความ ตองการของเด็ก กระตุนใหเด็กคิดอยางอิสระ เปนตัวของตัวเองตามความเหมาะสมกับอายุ ในโรงเรียนและชุมชน.... สนับสนุนใหฝกทักษะชีวิต สรางความมั่นใจในตนเอง สรางจิตสํานึก สาธารณะ ปลูกฝงการทําความดีและบําเพ็ญประโยชนตอชุมชน การสรางความตระหนักใหเด็กและเยาวชนมีพลังใจที่เขมแข็ง มีทักษะชีวิตที่ดี แกไขปญหาชีวิตได โดยไมใชยาเสพติด จะทําใหเติบโตเปนประชากรที่มีคุณภาพตอการพัฒนาประเทศตลอดไป...
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
25
สองขั้ว...ซอนวิญญาณ จําป คําหอมกุล
โรคที่ผูปวยมีอารมณสุดขั้ว ตั้งแตซึมเศราไปถึงคลุมคลั่งสุดๆ จึงเรียกโรคนี้วา “โรคจิตอารมณ คลุมคลั่ง และซึมเศรา (manic Depressive Disorder)” โรคอารมณสองขั้วเปนโรคที่อันตรายมาก และมี พฤติกรรมที่มีความเสี่ยงที่อาจนําไปสูการฆาตัวตายได สามารถรักษาไดโดยการบําบัดและทานยา อาการคลุมคลั่ง อาการหงุดหงิด กระวนกระวาย กระฉับกระเฉง ชางพูดมาก บุมบาม ใชจายสุรุยสุราย ชอบ แสดงอํานาจ มีอารมณเคลิ้มสุข อารมณซึมเศรา จะมีการการตรงขามทั้งหมด คือ เสียใจมาก รองไห รูสึกตัวเองไรคา ไมมีพลังงาน ไมมีความ ภาคภูมิใจ พอใจ มีปญหาในการนอนหลับ ชนิด...สองขั้ว อาการของโรคอารมณสองขั้วมีหลายชนิด ซึ่ง โดยรวมแลวคือ จะมีอาการซึมเศราและคลุม คลั่งตางระดับกันไป ประกอบดวย ไบโพลาร I, ไบโพลาร II, Cyclothymic, ไบโพลารแบบผสม และไบโพลาร แบบ Rapid-Cycling ไบโพลาร I อาการของผูปวยประเภทนี้สาเหตุจากมีอาการคลุมคลั่งอยางหนึ่งเกิดขึ้นในชวงที่ มีอารมณรวมกับพฤติกรรมที่ไมปกติซึ่งไปมีผลตอการดําเนินชีวิต ไบโพลาร II ลักษณะอาการคลายกับ ไบโพลาร I แตชวงอารมณระหวางสองขั้วจะมีมากกวา แตก็ยังไมแสดงอาการคลุมคลั่งมาก ไบโพลารแบบ Rapid-Cycling ผูปวยประเภทนี้เคยมีอาการคลุมคลั่ง หรือซึมเศรามากกวา 4 ครั้งขึ้นไปในรอบป ซึ่งไบโพลารชนิดนี้พบประมาณ 10-20% ของผูปวย ไบโพลารแบบผสม สวนใหญแลวผูปวยไบโพลารจะมีอารมณสลับกันไประหวางสองขั้วใน เวลาที่ไมปกติ แตไบโพลารชนิดนี้ผูปวยจะเคยมีอาการทั้งคลุมคลั่งและซึมเศราอยางตอเนื่อง หรือติดตอกัน อยางมาก Cyclothymic ผูปวยจะแสดงอาการทางอารมณแบบไบโพลารแตไ มมาก บางทีจึง เรียกวา Cyclothymic เพราะอาการนอยกวาโรคอารมณสองขั้วที่สุดขั้วกวา สองขั้ว...เด็กเล็ก...วัยรุน เนื่องจากเด็กมีความเสี่ยงมากที่จะเปนหากคนใกลชิด เชน พอ-แม พี่นอง หรือญาติเปนโรค ดังกลาว ซึ่ง พอแมอาจไมเขาใจวาอะไรที่เปนสาเหตุใหลูกมีอาการเชนนี้ ในเด็กเล็กและวัยรุนนั้นอารมณมัก แปรปรวนแบบไมมีเหตุผลไดงายอยูแลว แตในเด็กปวยแบบไบโพลาร อารมณที่เปลี่ยนนี้มักมีอาการอยางอื่น 26
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
รวมดวย เชน การเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งเวลาที่เกิดจะเห็นไดชัดเจน เรียกวาเปนตอนอารมณเลยทีเดียว (mood episode) การเกิดอารมณคลุมคลั่ง (mania) ในเด็กมีจํานวนครั้งที่เกิดนอยกวาในผูใหญ อยางนอยก็สัปดาห ละครั้ง จะเปนชวงที่มีความสุขมากๆ กาวราว หรือมีอารมณโกรธ ซึ่งจะมีอาการอื่นๆ ตามมา เชน ตองการ เวลานอนนอย กระปรี้กระเปรา มีความมั่นใจในตัวเองสูง มาก พูดเร็ว คิดหลายๆ เรื่องในขณะเดียวกัน ไมมี สมาธิ หาจุดสนใจไมได ชอบจับอวัยวะเพศตัวเอง ใชภาษาที่หมกมุนเรื่องเพศ และชอบที่จะเขาใกลคนอื่นใน ลักษณะไปทางเรื่องเพศ มีการกระทําที่ไมเหมาะสม หรือกาวกายตอสังคม ยา...อารมณ (mood stabilizer) 1. Lithium (เรียกกันวา Esaklith หรือ Lithobid) ซึ่ง FDA ไดประกาศวาสามารถรักษาไดทั้งอาการ ซึมเศรา และคลุมคลั่ง 2. ยากันชัก (Anticonvulsants) ซึ่ง ใชรักษาโรคลมชัก หรือลมบาหมู สามารถนํามาใชในการควบคุม อารมณไดเชนกัน เชน 2.1 Valproic acid หรือ divalproex sodium (Depalote) ใน FDA กลาววาใชรักษาอาการคลุม คลั่ง และเปนอีกตัวเลือกหนึ่ง แทน lithium แตก็มีขอควรระวังพิเศษในการใชสําหรับเพศหญิง โดยเฉพาะที่ อายุไมเกิน 20 ป 2.2 Lamotrigine (Lamictal) ใน FDA กลาววาใหใชรักษาอาการซึมเศรา นอกจากนี้ยังมีตัวยาอื่นๆ เชน gabapebtin (Neurontin). Topiramate (Topamax), และ oxcarbaqepine (Trileptal) เปนตน ยา Valproic acid Lamotrigine เปนยาที่ FDA ไดมีคําเตือนเกี่ยวกับการบริโภคไววา อาจไป เพิ่มความเสี่ยงตอความคิดและพฤติกรรมในการฆาตัวตายได
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
27
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกวา “ โรคเครียด” สังคมเมืองในปจจุบัน มีการพัฒนาและเจริญกาวหนาในทุกๆดาน ไมวาจะเปนดานการศึกษา และ ดานเทคโนโลยีตางๆ มากมาย ซึ่งคนเมืองสวนใหญ มีความตองการและใหความสําคัญกับสิ่งเหลานี้มาก จึงพยายาม ขวนขวายใหไดมาซึ่งเทคโนโลยี หรือสิ่งอํานวยความสะดวกตางๆ เพื่อใหทันยุคทันสมัยไมอายใคร จนลืมนึกไปวาสิ่ง เหลานั้นมีความจําเปนกับชีวิตเราจริงหรือไม แตตองใหไดมาเหมือนคนอื่นเขา โดยหารูไมวา สิ่งเล็กๆที่เรียกวา “ โรคเครียด ” กําลังถามหาทานอยู โรคเครียด ในสังคมเมือง เกิดขึ้นไดกับทุกเพศ ทุกวัย ไมวาจะเปนเด็กหรือผูใหญ สําหรับเด็กนั้น หลักๆคือ ตองการของเลน อยากไดโทรศัพทมือถือเหมือนเพื่อน หรือหากไมไดเขาเรียนในสถานศึกษาที่มีชื่อ ก็จะเกิด ความเครียด กินไมได นอนไมหลับ หรือที่เห็นบอยๆ ในขาวเด็กฆาตัวตาย เนื่องจากผลการเรียนไมดี หรือสอบเขา โรงเรียนที่มีชื่อเสียงไมได แตสําหรับวัยทํางานหรือวัยผูใหญนั้น ตองเผชิญกับความเครียดมากกวา เชน ในชีวิตประจําวัน เครียดจาก รถติด งาน เพื่อน ความรัก หนี้สิน ความตองการมีคอมพิวเตอร มีโทรศัพทมือถือราคาแพง มีรถ ซึ่งเกิด สะสมขึ้นไดทุกวัน รางกายไมสามารถตอบสนองหรือแสดงออกตอความเครียดนั้นได จนถูกสะสมใหเปนความเครียด เรื้อรัง ความเครียด ถือเปนระบบเตือนภัยของรางกาย ใหเตรียมพรอมเพื่อที่จะทําสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทําเพื่อใหพนจาก ความเครียดนี้ จนหลายคนตัดสินใจผิดพลาด โดยการไปปลน จี้ หรือหนีปญหาโดยการฆาตัวตาย ก็มีใหเห็นในขาว แทบจะทุกวัน ความเครียดเหลานี้ รางกายไมสามารถทําอะไรได เพราะเกิดโดยที่ไมรูตัว ทําใหฮอรโมนความเครียด กลุมนี้ สะสมในรางกายจนกระทั่งเกิดอาการทางสุขภาพกายและมีผลทางจิตใจ อาการหลักๆ อาจสังเกตได เชน ทาง รางกาย จะมีอาการ ปวดหัว ปวดกลามเนื้อ นอนไมหลับ หูอื้อ มือเย็น ออนเพลียงาย ทองเสีย ทางจิตใจ ไดแก ความสามารถในการตัดสินใจนอยลง ไมมีสมาธิ ไมมีความคิดสรางสรรค ไมพรอมจะเรียนรูสิ่งใหม ขี้ลืมบอยๆ ทาง อารมณ ไดแก มีความวิตกกังวล หงุดหงิด บางครั้งมีอาการซึมเศรา รองไหงาย โกรธงาย ทางพฤติกรรม ไดแก กินเกง ขึ้น รูสึกไมอยากยุงกับใคร อยากแยกตัว ติดบุหรี่หรือสุรา นอนไมหลับ เปนตน ดังนั้น เราควรหัดสังเกตใหรูเทาทันโรคเครียด หากเรารูจักการจัดการกับความเครียด และรูจัก วิธีการแกไขกับความเครียดแลว โรคเครียด จะไมสงผลกระทบตอรางกายและจิตใจของคนเมืองไดแนนอน ยิ่งถาเรา สามารถปลอยวาง ไมวาจะเปนเรื่องของโทรศัพทมือถือ อินเตอรเน็ท ไดนั้น บางทีชีวิตเราก็อาจจะมีความสุขมากขึ้น กวานี้ก็ได อยาลืมวา ในสมัยปู ยา ตา ยาย ของเรา พวกทานไมมีโทรศัพทมือถือ ไมมีอินเตอรเน็ท ทานก็ยังมีชีวิตอยู อยางมีความสุขได
28
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
สุขใจทั้งผูให...ดีใจทั้งผูรับ ธนาภรณ ชาวชื่นสุข ชวงเวลาการทํางานเรามักพบเจอผูคนมากมาย มีทั้ง คนปกติและไมปกติ อาจจะเขามาขอ คําแนะนํา ขอความชวยเหลือ ดวยหนาที่ความรับผิดชอบเราตองทําใหเต็มที่ พยายามชวยเหลือใหผูรับสบายใจ เมื่อเราเห็นรอยยิ้มเราก็สุขใจ งานบริการ คือ หัวใจสําคัญและเปนสิ่งที่เรารัก พอรักแลวรูสึกอยากเปนผูให เมื่อเวลาที่เราได ใหคําปรึกษาใครสักคนหรือไดชวยเหลือแลวจะดีใจทุกครั้ง ขอยกตัวอยางเคสการใหคําปรึกษาการนําผูปวยมา รักษา แตผูปวยไมยอมรับตัวเองคนรอบขางพูดก็ไมฟงจนเวลาผานไปอาการเริ่มหนักขึ้นจนถึงขั้นทํารายตัวเอง เลยมาขอคําปรึกษาจะทําอยางไรดี เราจึงใหขอมูลวา พอแมตองพาผูปวยมาหาหมอใหไดนะคะ ถาถึงขั้นทํา รายตัวเองคนรอบขางก็คงไมปลอดภัยแนๆยังไงก็ตองพาตัวมาใหได เราจึงใหคําแนะนําวา การรักษาไมไดนา กลัวอยางที่คิดอยางเพิ่งคิดไปเองลองมาคุยและปรึกษาคุณหมอกอน แตหากคุณมาโรงพยาบาลแลวไมสบายใจ คุณสามารถโทรปรึกษาทางสายดวนสุขภาพจิตกอนไดคะ เบอร 1323 โทรฟรี 24 ชั่วโมงอาจจะเปนทางเลือก หนึ่ง ในการตัดสิน ใจใหตัวผูปวยยอมเขารับการรักษา แตในอุปสรรคยอมมีโอกาสเมื่อผูปวยนั้นคิดไดเองวา ตัวเองอยากหาย เขาจึงเปนผูเดินเขามารับการรักษาดวยตัวเองโดยไมปฏิเสธ พอผูป วยมาถึงโรงพยาบาลพรอม พอแม เห็นหนาเราผูใหคําปรึกษาเขาดีใจและยิ้มทั้งน้ําตาที่วันนั้นตัดสินใจมาปรึกษาเรา วายังไงตองพาเขามา รักษาใหได จากวันนั้นถึงตอนนี้ผูปวยมีอาการดีขึ้น เวลาญาติมารับยาเห็นเราก็ดีใจและขอบคุณเรามาก ในที่สุดแลวเมื่อเราไดชวยเหลือใครสักคน แมแคจะเปนคําปรึกษาที่เล็กนอยบางครั้งการที่เขา ไดเลาแลวสบายใจ เราผูฟงก็ยินดีรับฟง เราจะดีใจทุกครั้งวาการเปนผูใหนั้นดีอยางนี้ที่เอง ตามชื่อเรื่องสุขใจทั้ง ผูให ดีใจทั้งผูรับ
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
29
"สุขอยางสูงวัย ... กายใจเปนสุข" สรศักดิ์ นาคสุขมูล ผูสูงอายุ บุคคลผูมากดวยประสบการณ ทั้งความรูความสามารถที่ควรคาแกการเคารพนับถือ ยกยอง ใหเกียรติและไดรับการดูแล การเปลี่ยนแปลงสูวัยสูงอายุ นับเปนอีกชวงชีวิตหนึ่งที่บุคคลตองเผชิญกับ การเปลี่ยนแปลงทั้งดานรางกายและจิตใจไปพรอมๆกัน ดานรางกายเปนการเปลี่ยนแปลงในทางที่เสื่อมถอยลง เชน สายตาฝาฟาง หูตึง หรือภาวะทางสมอง เปนตน สวนการเปลี่ยนแปลงดานจิตใจ เชน การสูญเสียคนที่รัก หรือความรูสึกถูกทอดทิ้งจากลูกหลาน จนกระทั่งบางครั้งผูสูงอายุจําเปนตองดึงภูมิคุมกันทางจิตใจ (defense mechanism) ออกมาใชไมวาจะเปนการเจ็บปวยเพื่อดึงดูดใหลูกหลานมาดูแลใกลชิด หรือการกลับไปแตงตัว สวยงามเหมือนสมัยหนุมสาว เพื่อลดความรูสึกเศรา หดหู และไรคาในตนเอง การดึงภูมิคุมกันทางจิตใจออกมาใชนั้นไมใชสัญญาณที่ดี แตการดูแลบุคคลในวัยสูงอายุจาก ลูกหลานตางหากคือสัญ ญาณอันวิเศษของทานเหลานั้น การดูแลทางรางกายไมวาจะเปนการดูแลเรื่องโรค ประจําตัว การตรวจรางกาย หรือการรับประทานอาหารที่ดีนับวาเปนสิ่งสําคัญแลว แตปฏิเสธไมไดวาการดูแล ดานจิตใจของบุคคลในวัยนี้เปน สิ่ง ที่สําคัญ กวา ความรัก ความเขาใจในการเปลี่ยนแปลง วิธีการดูแล หรือ แมกระทั่งการพูดคุย ลวนเปนวิธีงายๆที่ลูกหลานสามารถปฏิบัติได เพื่อลดภาวะซึมเศรา หรืออาการเจ็บปวย ทางดานรางกายที่นับจะเสื่อมโทรมลงไปทุกวัน และยังเปนการเสริมสรางความเขมแข็งในจิตใจ เพิ่มความรูสึก เห็นคุณคาในตนเองแกบุคคลผูสูงอายุอีกเชนกัน การใหค วามสําคั ญ และ ความร วมมือร วมใจ ของสมาชิกทุกคนในครอบครัว คื อพลัง อั น ยิ่งใหญในการดําเนินชีวิต และการดํารงอยูอยางมีความสุขของปูชนียบุคคลอันเปนที่รักของบาน
30
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
หลังคาแดง...บานนี้มีรัก จิตตกปวยใจ แวะมาเยียวยา ชนสินันท ธนาพัฒนธนนท ผมเผารกรุงรัง เดินพูดอยูคนเดียว เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวรองไห!!! นี่ไมใชฉากหนึ่งในละครภาคค่ํา ที่หลายคนติดตามชมแนๆ แตนี่คือเรื่องจริงของใครหลายๆ คนที่ตองกลายเปนผูปวยจิตเวช...? ทั้งที่ตัวเขาหรือ เธออาจจะไมรับรูหรือทุกขรอนใดๆ เลย แตความเจ็บปวยทางใจเปนทุกขอันยิ่ง ใหญของคนในครอบครัว...? อยางที่เห็นเปนขาวคราวใหญโต เพราะจิตปวย แตไมมีใครรู ถาพูดถึงผูปวยโรคจิตเวช หรือที่หลายๆ คนมักจะคุนชินกับคําวา ...บา บางก็เรียก...ไอโรค จิต หรื อ พวกโรคประสาท แน น อนว า ...ใครก็ ต ามที่ ตอ งอยู ใ กล กั บคนที่ ต อ งสงสัย ว า ...จะปว ย หลายคน หวาดกลัว ระแวง และไมอยากอยูใกล แมแตเขาเหลานั้นจะเปนคนหนึ่งในครอบครัวก็ตาม...? มีคนตั้งคําถาม วาโรคจิตเกิดจากสาเหตุใด...? คําตอบก็อยางที่จิตแพทยหลายๆ ทานไดพูดไปแลว...? แตอีกแงมุมหนึ่งที่คนใน สังคม หรือครอบครัวควรจะใสใจคือความผิดปกติ หรือสิ่งที่ผิดแปลกไปจากเดิม...ในแตวันนี้ดูผิดๆ เพี้ยนๆ ไป มากมายนัก เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น!!! แนนอนวิธีการจัดการแกปญหาของแตละคนยอมแตกตางกันไป ในขณะที่บางคนเลือกที่จะปรึกษาหารือกับคนใกลชิด แตบางคนก็เลือกที่จะเก็บงําความทุกขใจเหลานั้นเอาไว เพียงลําพัง!!! และแลวเหตุการณที่ไมคาดฝนก็เกิดขึ้นเมื่อเขาตองกลายเปนผูปวยจิตเวช แมกไมสีเขียวขจี ประดูลําตนใหญแข็งแรง บรรยากาศชางนารื่นรมย เพลิดเพลินตากับตนไม นานาพันธุ...หลายคนนึกแปลกใจนี่เหรอโรงพยาบาลบา!!! หรือหลังคาแดง...ไมเห็นจะนากลัวอยางที่คิดไวหรือ ตามคําบอกเลาเลยแมสักนิด 100 กวา ปแลวที่ “หลัง คาแดง” ไดทําหนา ที่พักใจ คลายทุก ขใหคนอยางคลาคล่ําที่ตอ ง เจ็ บ ป ว ยด ว ยโรคจิ ต ไม ว า จะเป น โรคซึ ม เศร า โรคไบโพล า ร หรื อ อี ก หลายโรคอย า งโรคจิ ต เภท (Schizophrenia) นพ.สินเงิน สุขสมปอง ผูอํานวยการสถาบันจิตเวชศาสตรเจาพระยา ไดเลาวาโรคจิตเภท มีสาเหตุเกิดจากหลายปจจัย เชน กรรมพันธุ ความผิดปกติของสมอง ความเครียด หรือการใชสารเสพติด โดย ผูปวยจะมีอาการรุนแรงคอนขางมากในแงของการรับรูตัวเอง และรับรูสิ่งแวดลอมรอบขาง ความคิดผิดเพี้ยน จากความเปนจริง เชน มีอาการหลงผิด คิดวาผูอ่ืน จะมาทําราย คิดวาตนเองสง กระแสจิตได เปนผูวิเศษมี อิทธิฤทธิ์เหนือคนธรรมดา จากขอมูลของกรมสุขภาพจิตที่ระบุวา...มีผูปวยดวยโรคจิตเภทถึง 2.6 ลานคนในโลก มีเพียง ครึ่งหนึ่งของผูปวยจิตเภทที่เขาถึงบริการบําบัดรักษาได สวนใหญเกือบรอยละ 90 ของผูปวยที่อยูในประเทศ กําลังพัฒนาไมสามารถเขาถึงการบําบัดรักษา จากรายงานจํานวนผูปวยนอกจิตเวชของกรมสุขภาพจิต พบโรค จิตเภทเปนโรคทางจิตเวชที่พบมากที่สุดเปนอันดับ 1 มีจํานวนมากกวา 1 ใน 3 ของผูปวยนอกจิตเวชทั้งหมด พบ 388,369 ราย จาก 1,109,183 รายและพบในผูปวยในจิตเวช 20,634 รายจาก 42,861 ราย โรคจิตเวชเปนโรคที่รักษาได เชนเดียวกับการเจ็บปวยดวยโรคทางกาย ยิ่งเขารับการรักษาแต เนิ่นๆ ยิ่งดี เมื่อมีอาการดีขึ้นแลวผูปวยตองกินยา เพื่อควบคุมอาการไมใหกําเริบ ผูปวยสามารถใชชีวิตอยูใน ชุมชนไดตามปกติ แตตองระวังเปนพิเศษคือ ปญหาการขาดยา หรือลดยา รวมถึงการใชสารเสพติด โดยเฉพาะ บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
31
ยาบาและเครื่องดื่มแอลกอฮอลทุกชนิด เพราะจะทําใหผูปวยเกิดอาการทางจิต ญาติตองดูแลอยางใกลชิดหาก พบวาผูปวยนอนไมหลับ หงุดหงิด มีความคิดแปลกๆ กาวราว วิตกกังวล หวาดกลัว ฉุนเฉียวงาย ขอใหรีบพา ไปพบแพทย ทุกๆ ครั้งที่มีขาวผูปวยจิตเวชไปกอเหตุ!!! ผูคนในสังคมรูสึกหวาดกลัวผูตองหาในรางของ ผูป วยจิตเวช แตอีกมุมหนึ่งของสังคมสะทอนใหเห็นวา การดูแลผูปวยจิตเวชใหทุเลาเบาบางลง!! คงไมใช เปนหนาที่ของใครบางคนเทานั้น!!! ทุกๆ คนสามารถชวยพวกเคาไดเพียงใสใจดูแลคนใกลชิดทุกครั้งที่ทุกขใจ หรือเลือกที่จะเดินเขามาที่โรงพยาบาลจิตเวชใกลบาน สถาบันจิตเวชสมเด็จเจาพระยา หรือหลังคาแดงที่หลายคนคุนเคย ก็พรอมที่จะชวยใหคลาย ทุกขใจลงได จากคําบอกเลาของผูปวยและญาติผูปวยที่ไดแวะเวียนเขามาที่บานหลังนี้ตามที่นัดหมาย เคารูสึก อบอุนทุกๆ ครั้งที่ไดมาเยือนบานหลังนี้ ที่ๆ เคยเปนที่พักใจ หลอหลอมใจใหเข็มแข็งมีพลังที่จะกาวเดินออกไป เพื่อทําประโยชนใหสังคม!!! มิใชเปนภาระของใครหลายๆ คนอีกแลว
32
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
อยูรวมกับผูตดิ สุราอยางมีความสุข ทัศวรรณ ปญญารักษา การติดสุรานั้นเปนอาการที่ตองไดรับการรักษาโดยปกติแลวผูที่ติดสุรามักมีพฤติกรรมการติด เมื่อเลิกไดก็จะกลับไปดื่มซ้ําอีกเปนแบบนี้ซ้ําแลวซ้ําเลา สมาชิกในครอบครัวและผูใกลชิดจําเปนตองมีความ เขาใจในการชวยเหลือและการอยูรวมกับผูติดสุราได จะเปนการชวยใหเขาหายจากอาการติดสุราได โดยลอง ปฏิบัติตามวิธีที่จะแนะนําดังนี้ อยางแรกที่ตองเรียนรูคือ “เรียนรู” อาการที่เกิดขึ้นกับผูติดสุราเพื่อใหเกิดการแสวงหาสิ่งที่ จําเปนในการดํารงชีวิต ซึ่งเมื่อคนเราไดรับการตอบสนองดังกลาวแลวก็จะเกิดความสุขขึ้นเชนเดียวกันกับการ ดื่มสุราจะเปนการกระตุนใหสมองหลั่งสารที่ใหความรูสึกเปนสุข ทําใหผูที่ติดสุรานั้นเกิดความเคยชิน และ ตองการหาสุรามาดื่มมากขึ้นอีก จึงเกิดอาการติดสุราในที่สุด และไมสามารถควบคุมการดื่มของตนเองได หาก มีการขาดสุราอาจทําใหเกิดอาการมือสั่น ใจสั่น นอนไมหลับ เปนตน ดังนั้นผูที่อยูรวมกับผูติดสุราตองเขาใจวา ผูติดสุรานั้นเปนผูปวยที่ตองการไดรับการชวยเหลือ เมื่อรูแลววาผูติดสุราคือผูปวยที่ตองไดรับการชวยเหลือ สมาชิกในครอบครัวจะตอง “แนะนํา” ใหผูติดสุราเขารับการบําบัดรักษา โดยใหผูติดสุราไดตัดสินใจเอง เราไมควรบังคับหรือแสดงความไม พอใจหากผูติดสุราเริ่มใหความสนใจในการเลิกสุราแตไมเขารับการบําบัดสักที เมื่อผูติดสุรายอมเขารับการบําบัดแลว เราไมควรคาดหวังวาเขาจะเลิกสุราไดเต็มรอย เพราะ อาการติดสุรานั้นเปนโรคเรื้อรังที่สามารถกลับไปดื่มซ้ําไดอีก สมาชิกในครอบครัวจึงตองคอย “ใหกําลังใจ” แสดงความเห็นใจกับผูติดสุราอยางนุมนวล และอยาหยุดชวยเหลือผูติดสุรา เพราะการจะเลิกสุราไดนั้นจะตอง อาศัยแรงบันดาลใจ และกําลังใจจากครอบครัวและผูที่ใกลชิดดวย นอกจากนั้นแลว เราควร “สรางความรับผิดชอบและปรับความคิด” ของผูติดสุรา สนับสนุน กิจกรรมที่เขาใหความสนใจเพื่อไมใหเขาคิดแตเรื่องการดื่มสุรา สิ่งที่สําคัญอีกอยางหนึ่งคือ “อยาใชความรุนแรงในทุกประเภท” ไมวาจะเปนการพูดขมขู การบน การตําหนิ การดาวาสั่งสอน สิ่งเหลานี้ลวนทําใหเกิดการขัดเคืองใจและการตอตานในที่สุด ยิ่งไปกวา นั้นแลว นี่อาจเปนสาเหตุในการกระตุนใหเขากลับไปดื่มซ้ําอีกดวย สมาชิกในครอบครัวจะตองพูดคุยกันใหเขาใจในการใหการดูแลผูติดสุรา โดยเฉพาะการ พูดคุยกับลูกใหเขาใจอาการของการติดสุรา ไมควรพูดใหเกิดความเกลียดชัง หรือความรูสึกที่ไมดีตอผูติดสุรา นอกจากนี้แลว ควร “ปลอยวาง” จากพฤติกรรมการติดสุราของผูติดสุรา ไมควรเครงครัดมากจนเกินไป และ อยาลืมวาผูที่อยูรวมกับผูติดสุราควรมีความอดทนและเขาใจในพฤติกรรมตางๆ ที่เกิดขึ้น มองในแงดีเสมอ ให ความรัก และมีการรวมมืออยางจริงจัง และจริงใจระหวางผูติดสุราและสมาชิกในครอบครัว การเลิกสุรานั้นยาก แตสามารถทําได เพียงแตการที่จะอยูรวมกับผูติดสุราไดนั้นจะตองมี ความเขาใจ เห็นอกเห็นใจ จึงจะสามารถอยูรวมกันไดอยางมีความสุข
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558
33
34
บทความความรู้สุขภาพจิต จาก การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ปี 2558